Safe Sex ไม่พอ! ทำความรู้จักการตรวจ และรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แบบครบวงจร
- Siri Writer
- Sep 3
- 5 min read
Updated: Sep 6
หลายคนเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย หรือ Safe Sex โดยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง จะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections: STI) ได้ 100% แต่ความจริงคือ Safe Sex ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก แต่ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด เพราะโรคติดต่อบางชนิด เช่น เริม (Herpes), HPV (Human Papillomavirus), หรือซิฟิลิส (Syphilis) สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสผิวหนัง และเยื่อบุที่ถุงยางอนามัยไม่ได้ปกปิด
เราจะพาคุณไปรู้จักการตรวจ และการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แบบครบวงจร ตั้งแต่ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ชนิดต่าง ๆ ความเสี่ยง อาการ วิธีตรวจรักษา ไปจนถึงการป้องกัน และแนวทางดูแลสุขภาพทางเพศที่ยั่งยืน

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คืออะไร?
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections: STI) คือการติดเชื้อที่แพร่ผ่านกิจกรรมทางเพศทุกรูปแบบ—สอดใส่ทางช่องคลอด/ทวารหนัก เพศสัมพันธ์ทางปาก รวมถึงการสัมผัส สารคัดหลั่ง (น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด เลือด) และ ผิวหนัง/เยื่อบุที่มีเชื้อ บางโรคยังถ่ายทอดได้จาก แม่สู่ลูก ระหว่างตั้งครรภ์ คลอด หรือให้นม
คำว่า STI เน้น การติดเชื้อของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งบางครั้งยังไม่มีอาการ ส่วน STD (โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์) โดยมากหมายถึงมีอาการแล้ว ปัจจุบันนิยมใช้ STI มากกว่า
กลุ่มของเชื้อที่ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI)
เชื้อแบคทีเรีย (รักษาหายได้ด้วยยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม)
ซิฟิลิส (Syphilis)
หนองในแท้ (Gonorrhea)
หนองในเทียม (Chlamydia trachomatis)
(อื่น ๆ: แผลริมอ่อน, ผีดาษลิง/ไข้ฝีดาษลิงติดต่อทางเพศได้ด้วยแต่เป็นไวรัส ไม่ใช่แบคทีเรีย—ใส่ไว้เพื่อแยกแยะ)
เชื้อไวรัส (มักควบคุมได้ มากกว่าหายขาด)
เอชไอวี (HIV)
HPV (Human Papillomavirus) — ทำให้หูดหงอนไก่ และเกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูก/ทวารหนัก/คอหอย
เริม (HSV-1/HSV-2) — แผลพุพองรอบอวัยวะเพศ/ปาก, เป็น ๆ หาย ๆ
ไวรัสตับอักเสบ บี/ซี (HBV/HCV) — ติดต่อทางเพศ และเลือด
เชื้อรา/ปรสิต
พยาธิช่องคลอด (Trichomoniasis)
เชื้อราแคนดิดา (Candidiasis) — บางครั้งไม่จัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แท้ ๆ แต่สัมพันธ์กับเพศสัมพันธ์ และการเสียสมดุลจุลินทรีย์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ติดต่อได้อย่างไร?
การสอดใส่ ช่องคลอด/ทวารหนัก โดยไม่มีถุงยางอนามัย หรือใส่ไม่ถูกวิธี
เพศสัมพันธ์ทางปาก (oral sex) กับอวัยวะเพศ/ทวารหนัก
การสัมผัสผิวหนัง-ผิวหนัง/เยื่อบุ ที่มีแผลหรือตุ่มจาก HSV/HPV/ซิฟิลิส—even ถุงยางอนามัยก็ปิดได้ไม่หมด
สารคัดหลั่ง และเลือด เข้าสู่เยื่อบุหรือแผลถลอกเล็ก ๆ
อุปกรณ์/ของเล่นทางเพศ ใช้ร่วมกันโดยไม่ล้าง/ไม่เปลี่ยนถุงยางอนามัย
แม่สู่ลูก ระหว่างตั้งครรภ์ คลอด หรือให้นม (HIV, ซิฟิลิส, HBV)
ไม่ติดต่อ จากการกอด จับมือ ใช้ช้อนส้อมร่วมกัน ที่นั่งสาธารณะ หรือสระว่ายน้ำ
ทำไม Safe Sex จึงสำคัญมากแต่ยังไม่พอ
การใช้ถุงยางอนามัย และปฏิบัติแบบ Safe Sex ลดความเสี่ยงได้มาก แต่ไม่ใช่เกราะป้องกัน 100% เพราะมีปัจจัยต่อไปนี้
ความผิดพลาดจากการใช้ถุงยางอนามัย (user error & product limits)
แตก/หลุด/ขาด จากการไม่บีบ กระเปาะปลาย ไล่อากาศ, เลือก ขนาดไม่พอดี, หรือรูดไม่สุดโคน
สารหล่อลื่นไม่เข้ากัน: น้ำมัน/วาสลีนทำลาย ลาเท็กซ์ → เสี่ยงฉีกขาด (ควรใช้เจลสูตรน้ำหรือซิลิโคน)
แรงเสียดสีสูง/กิจกรรมยาวนาน โดยเฉพาะเพศทางทวารหนักที่ไม่มีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ → เพิ่มโอกาสฉีกหรือรั่ว
ทิปป้องกัน: ตรวจวันหมดอายุ, เก็บให้พ้นความร้อน, ใส่ให้ถูกด้าน และรูดจนสุด, เปลี่ยนถุงยางอนามัยเมื่อสลับ ประตูหลัง→ช่องคลอด/ปาก, ใช้เจลหล่อลื่นทุกครั้งที่มีแรงเสียดสีสูง
โรคบางชนิดติดจากผิวสู่ผิว แม้ไม่มีการสอดใส่
เริม (HSV), HPV, ซิฟิลิสช่วงมีแผล ติดต่อจากการสัมผัสผิว/เยื่อบุบริเวณอวัยวะเพศ ก้น ต้นขา โคนขา นอกพื้นที่ที่ถุงยางอนามัยปิด
แผ่นป้องกันช่องปาก (dental dam) และถุงยางอนามัย แบบผู้หญิง/ถุงยางอนามัยภายใน ช่วยลดเสี่ยงได้มากขึ้น แต่ยังไม่ใช่ 100%
เพศสัมพันธ์ทางปาก (oral sex) ก็เสี่ยง
หนองใน (คอ), ซิฟิลิส, หนองในเทียม, เริม, HPV ติดได้จาก oral sex
ทางปาก ไม่มีถุงยางอนามัยครอบคลุมทุกจุดสัมผัส และมักไม่ได้ใช้แดม → โอกาสรับเชื้อยังมี
ปัจจัยอื่น ๆ
ใช้ ของเล่นทางเพศร่วมกัน โดยไม่ล้าง/ไม่เปลี่ยนถุงยางอนามัยของอุปกรณ์
มี แผล/รอยถลอกเล็ก ๆ ที่ไม่รู้ตัว → เป็นช่องทางให้เชื้อเข้า
แอลกอฮอล์/สารเสพติด ลดความระมัดระวัง → โอกาสไม่ป้องกัน/ใช้ผิดวิธี เพิ่มขึ้น
สรุป: Safe Sex เป็นพื้นฐานที่ต้องทำ แต่ควรต้องเสริมด้วยการ ตรวจคัดกรองสม่ำเสมอ, ฉีด วัคซีน (HPV, ตับบี), ใช้ PrEP/PEP สำหรับ HIV เมื่อเหมาะสม, และสื่อสารกับคู่อย่างตรงไปตรงมา
อาการที่บ่งบอกว่าอาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
จำไว้ว่า หลายโรคไม่มีอาการ แต่ยังแพร่เชื้อได้ หากมีอาการต่อไปนี้ให้ตรวจโดยเร็ว
ปัสสาวะแสบขัด/ปวด หรือมี หนองไหลจากท่อปัสสาวะ
ตกขาวผิดปกติ (สี กลิ่น ปริมาณ) หรือมีเลือดออกผิดปกติ
แผล/ตุ่ม/ผื่น ที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือในปาก (อาจเจ็บหรือไม่เจ็บ)
คัน/เจ็บ บริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก
คออักเสบเรื้อรัง หลังมี oral sex, ทวารหนักปวด/คัน/มีมูกเลือด
ต่อมน้ำเหลืองโต ไข้ อ่อนเพลีย โดยไม่ทราบสาเหตุ
ไม่มีอาการก็ยังติด/แพร่ ได้—ถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยง ให้ตรวจตามช่วงเวลาแนะนำ

วิธีการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (ตรวจอะไร? ใช้เมื่อไร?)
การซักประวัติ และตรวจร่างกาย แพทย์จะถามเรื่อง จำนวนคู่นอน รูปแบบเพศสัมพันธ์ ตำแหน่งที่เสี่ยง (อวัยวะเพศ/คอ/ทวารหนัก) การใช้ถุงยางอนามัย ความถี่ และอาการร่วม พร้อมตรวจร่างกายเพื่อหาสัญญาณผิดปกติ (แผล/หูด/ต่อมน้ำเหลือง)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (เลือกตามความเสี่ยง และตำแหน่ง)
HIV ด้วยการตรวจ NAT/PCR: เจอตั้งแต่ ~10–14 วัน หลังเสี่ยง (ต้นทุนสูง ใช้กรณีเฉพาะ/ต้องการคำตอบเร็ว) หรือชุดตรวจรุ่นที่ 4 (Antigen/Antibody, p24 + Ab): ให้ความเชื่อถือสูงที่ 4–6 สัปดาห์; ยืนยันซ้ำที่ 3 เดือน หากมีความเสี่ยงสูง
ซิฟิลิส ด้วยการตรวจเลือด RPR/VDRL (คัดกรอง) + TPPA/TPHA (ยืนยัน) —เริ่มตรวจได้ ~2–4 สัปดาห์ หลังสัมผัส
หนองในแท้/หนองในเทียม (Gonorrhea/Chlamydia) ด้วยการ NAAT (PCR/Amplification) จาก ปัสสาวะ/ท่อปัสสาวะ, ปากมดลูก/ช่องคลอด, คอ, ทวารหนัก ตามตำแหน่งที่เสี่ยง — ให้ผลดีหลัง ~7–14 วัน
Trichomonas ด้วยการตรวจ NAAT หรือการตรวจจุลทรรศน์/แอนติเจน ตามความพร้อมของห้องปฏิบัติการ
HPV/มะเร็งปากมดลูก (สำหรับผู้ที่มีปากมดลูก) ด้วยการตรวจ Pap smear และ/หรือ HPV DNA test คัดกรองตามช่วงอายุ/แนวทางประเทศ (มักทุก 3–5 ปี ขึ้นกับชนิดการทดสอบ และผลก่อนหน้า)
ไวรัสตับอักเสบบี/ซี (HBV/HCV) ด้วยการตรวจเลือด HBsAg/Anti-HBc/Anti-HBs (ตับบี) และ Anti-HCV + HCV RNA (ตับซี) ตามข้อบ่งชี้
สำคัญมาก: เก็บตัวอย่างตามตำแหน่งเสี่ยง (เช่น MSM ควรพิจารณา swab คอ และ ทวารหนัก) เพราะอาจติดเฉพาะตำแหน่ง แม้ปัสสาวะปกติ
ระยะเวลาตรวจ (อิง Window Period โดยย่อ)
HIV NAT/PCR: ~10–14 วัน
HIV 4th Gen: 4–6 สัปดาห์ (ยืนยันที่ 3 เดือน หากเสี่ยงสูง)
ซิฟิลิส: 2–4 สัปดาห์
หนองใน/หนองในเทียม (NAAT): 7–14 วัน
HPV/Pap/HPV DNA: คัดกรองตามอายุ-แนวทางแพทย์ (ไม่ใช่ตรวจหลังเสี่ยงทันที)
ควรตรวจบ่อยแค่ไหน?
ความเสี่ยงต่อเนื่อง/คู่นอนหลายคน/MSM/sex work: ทุก 3–6 เดือน (รวมการตรวจตำแหน่งคอ/ทวารหนักด้วย)
คนทั่วไปที่มีเพศสัมพันธ์: อย่างน้อย ปีละครั้ง หรือเมื่อมีคู่นอนใหม่
หญิงตั้งครรภ์: ตรวจ HIV, ซิฟิลิส, HBV ตามแนวทาง เพื่อป้องกันแม่สู่ลูก
แนวทางการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
กลุ่มโรคที่รักษาหายได้ (Bacterial/Parasitic STIs)
ซิฟิลิส (Syphilis)
ยาหลัก: Benzathine penicillin G (BPG) ฉีดเข้ากล้าม (IM)
ระยะต้น (primary/secondary/early latent): BPG 2.4 ล้านยูนิต IM ครั้งเดียว
ระยะสาย (late latent/ไม่ทราบระยะเวลา): BPG 2.4 ล้านยูนิต IM สัปดาห์ละครั้ง × 3 เข็ม
ประสาท/ตา/หู (neuro-/ocular-/otosyphilis): Aqueous penicillin G ให้ทางเส้นเลือด 10–14 วัน
แพ้เพนิซิลลิน: อาจใช้ doxycycline ในบางกรณี (เฉพาะผู้ไม่ตั้งครรภ์) แต่ หญิงตั้งครรภ์ต้องทำ desensitization แล้วให้เพนิซิลลินเท่านั้น
ติดตาม RPR/VDRL ตามกำหนด และ ตรวจ/รักษาคู่นอน (partner services)
หนองในแท้ (Gonorrhea)
แนวทางล่าสุด ไม่ใช้ azithromycin ร่วมเป็นสูตรมาตรฐาน อีกต่อไปในหลายประเทศ เนื่องจากการดื้อยา
ยาหลัก: Ceftriaxone IM ขนาดเดียว (ขนาดปรับตามน้ำหนัก; แพทย์เป็นผู้กำหนด)
ถ้ายังตัด chlamydia ไม่ได้ ให้เพิ่ม doxycycline รับประทาน 7 วัน (ในหญิงตั้งครรภ์มักใช้ azithromycin 1 กรัมครั้งเดียว แทน doxycycline)
ตำแหน่งคอ (pharyngeal GC): มักแนะนำ test-of-cure (ตรวจยืนยันหาย) ประมาณ 7–14 วันหลังรักษา
งดเพศสัมพันธ์ จนพ้นระยะติดต่อ/ครบการรักษา และอาการหายดี และ ตรวจซ้ำเพื่อดูการติดเชื้อซ้ำ ประมาณ 3 เดือน
หนองในเทียม (Chlamydia trachomatis)
ยาหลัก (first-line): Doxycycline 7 วัน
ทางเลือก/ตั้งครรภ์: Azithromycin 1 กรัม ครั้งเดียว (หรือสูตรอื่นตามแพทย์เห็นสมควร)
ควร ตรวจ/รักษาคู่นอนย้อนหลัง ตามช่วงเวลาเสี่ยง และ retest ประมาณ 3 เดือน เพราะ ติดซ้ำ พบบ่อย
Trichomoniasis (พยาธิช่องคลอด)
Metronidazole หรือ Tinidazole ตามสูตรมาตรฐาน ผู้หญิงหลายแนวทางชี้ว่า metronidazole 500 มก. วันละ 2 ครั้ง × 7 วัน ให้ผลดีกว่าสูตรครั้งเดียว
รักษาคู่นอนพร้อมกัน และ งดเพศสัมพันธ์ จนกว่าจะหาย
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ระหว่างใช้ และหลังใช้ metronidazole ตามข้อกำหนด (เสี่ยงปฏิกิริยาคล้ายดิสัลฟิราม)
กลุ่มไม่หายขาดแต่ควบคุมได้ (Viral STIs)
เอชไอวี (HIV)
ยาต้านไวรัส (ART) เป็นมาตรฐาน เริ่มเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
สูตรปัจจุบันมักเป็น integrase inhibitor–based (เช่น bictegravir/TAF/FTC หรือ dolutegravir + TDF/FTC) ปรับตามดุลยพินิจแพทย์
เป้าหมายคือ กดไวรัสจนตรวจไม่พบ (Undetectable) → หลักฐานชัดเจนว่า ไม่แพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ (U=U)
ประเมิน CD4 และโรคร่วม/การฉีดวัคซีน/PrEP ในคู่นอนที่ยังไม่ติดเชื้อ
HPV (Human Papillomavirus)
ไม่มียาต้านไวรัส ที่กำจัดเชื้อโดยตรง
การดูแล: ฉีดวัคซีน HPV (ป้องกันสายพันธุ์เสี่ยง), คัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap/HPV DNA), และรักษา หูดหงอนไก่ ตามอาการ
วิธีรักษาหูด: จี้ความเย็น (cryotherapy), จี้ไฟฟ้า/เลเซอร์, หรือ ยาทาเฉพาะที่ (เช่น imiquimod, podofilox)
การติดเชื้อจำนวนมาก หายเองได้ ใน 1–2 ปี แต่ต้องคัดกรองตามกำหนดเพื่อลดความเสี่ยงมะเร็ง
เริมอวัยวะเพศ (HSV-1/HSV-2)
Acyclovir / Valacyclovir / Famciclovir
Episodic therapy: กินเมื่อเริ่มมีอาการ เพื่อลดระยะ/ความรุนแรง
Suppressive therapy: กินต่อเนื่องรายวันเพื่อลดการกำเริบ และการแพร่เชื้อ (เหมาะกับคนที่เป็นบ่อย/กระทบชีวิต)
งดเพศสัมพันธ์ช่วงมีแผล/ปวดแสบร้อน (prodrome) แม้ใช้ถุงยางอนามัยก็ยังเสี่ยงแพร่จากบริเวณที่ถุงยางอนามัยไม่ครอบคลุม
หลักเสริมการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ห้ามลืม
ตรวจตามตำแหน่งเสี่ยง: อวัยวะเพศ/คอ/ทวารหนัก (โดยเฉพาะ MSM) เพราะอาจติดเฉพาะตำแหน่งเดียว
Partner management: แจ้ง-ชวนคู่นอนมาตรวจ/รักษา (“expedited partner therapy” อาจทำได้ในบางพื้นที่ตามกฎหมาย/แนวทาง)
งดเพศสัมพันธ์ชั่วคราว: จนกว่าจะรับการรักษาครบ และอาการหายดี เพื่อป้องกันแพร่เชื้อ/ติดซ้ำ
Test of cure / Retesting: ตามโรค และตำแหน่ง (เช่น หนองในคอ), และ retest ที่ ~3 เดือน สำหรับ GC/CT เพื่อตรวจการติดเชื้อซ้ำ
คัดกรองโรคร่วม: HIV, ซิฟิลิส, ตับอักเสบ บี/ซี และให้ วัคซีน ที่จำเป็น (HPV, HepB)
ไม่ซื้อยาปฏิชีวนะเอง: ลดปัญหา ดื้อยา และการรักษาไม่ตรงเชื้อ

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แบบครบวงจร
ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่เป็นไปได้
ชนิด
ถุงยางอนามัยภายนอก (external/ชาย) – ทำจากลาเท็กซ์/โพลียูรีเทน/โพลีไอโซพรีน
ถุงยางอนามัยภายใน (internal/หญิง) – ครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่า ช่วยลดการสัมผัสผิว–ผิวได้ดี
เลือกขนาด: แน่นไปเสี่ยงฉีก หลวมไปเสี่ยงหลุด ลองไซซ์ให้พอดี (วัดรอบวงเป็นหลัก)
วิธีใส่ถูกต้อง (ย่อ)
เช็กวันหมดอายุ–บรรจุภัณฑ์ไม่รั่ว
เปิดซองด้วยนิ้ว (ไม่ใช้ฟัน/ของมีคม)
บีบกระเปาะปลาย ไล่อากาศ แล้วรูดลงสุดโคน
ใช้ เจลหล่อลื่นสูตรน้ำ/ซิลิโคน (ห้ามน้ำมันกับลาเท็กซ์)
เสร็จแล้วจับขอบโคนรูดออกทันที ขณะยังแข็งอยู่ มัดทิ้งถังขยะ (ไม่ทิ้งชักโครก)
กฎทอง: เปลี่ยนถุงยางอนามัยทุกครั้งที่สลับช่องทาง (ทวารหนัก → ช่องคลอด/ปาก) และทุกครั้งที่เปลี่ยนคู่นอน/ของเล่นทางเพศ
แผ่นแดม (Dental dam) สำหรับ oral sex
ใช้แผ่นแดมสำเร็จรูป หรือดัดแปลง ถุงยางอนามัย/ถุงมือ ให้เป็นแผ่นบางคลุมบริเวณช่องคลอด/ทวารหนัก
ใส่ เจลหล่อลื่นบาง ๆ เพื่อแนบสนิท ลดฉีกขาด
เจลหล่อลื่น (Lube)
เลือก สูตรน้ำ/ซิลิโคน เพื่อถนอมถุงยางอนามัย ลดเสียดสี และการฉีกขาด
เลี่ยง น้ำมัน/วาสลีน/โลชั่น กับถุงยางอนามัย ลาเท็กซ์ (ทำให้เปราะ)
ของเล่นทางเพศ (Sex toys)
ล้างตามชนิดวัสดุ + ฆ่าเชื้อตามคำแนะนำผู้ผลิต
ใส่ถุงยางอนามัยบนอุปกรณ์ และ เปลี่ยนถุงยางอนามัย เมื่อเปลี่ยนคน/ตำแหน่ง (ปาก–ช่องคลอด–ทวารหนัก)
เก็บให้แห้ง สะอาด หลีกเลี่ยงการปนกันของวัสดุที่ทำให้ผิวเสื่อม
ตรวจสุขภาพทางเพศตามความเสี่ย (แม้ไม่มีอาการ)
หลายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่มีอาการแต่ยังแพร่เชื้อได้ การตรวจตามกำหนดคือหัวใจสำคัญ
ความเสี่ยงต่อเนื่อง / คู่นอนหลายคน / MSM: ตรวจทุก 3–6 เดือน
คนทั่วไปที่มีเพศสัมพันธ์: อย่างน้อย ปีละครั้ง หรือเมื่อมีคู่นอนใหม่
ตำแหน่งที่ต้องเก็บตัวอย่าง (ตามพฤติกรรมจริง): ปัสสาวะ/ท่อปัสสาวะ, คอ, ทวารหนัก, ปากมดลูก/ช่องคลอด
ตัวอย่างการตรวจ
HIV: 4th Gen ที่ 4–6 สัปดาห์หลังเสี่ยง (ยืนยันที่ 3 เดือนถ้าเสี่ยงสูง) / NAT ในบางกรณีที่ต้องการผลเร็ว
ซิฟิลิส: RPR/VDRL + TPPA/TPHA (เริ่มได้ราว 2–4 สัปดาห์)
หนองใน–หนองในเทียม: NAAT (PCR) จากตำแหน่งเสี่ยง (คอ/ทวารหนัก/อวัยวะเพศ) ~7–14 วันหลังเสี่ยง
HPV & Pap/HPV DNA: คัดกรองตามอายุ/แนวทางแพทย์ (สำหรับผู้ที่มีปากมดลูก)
วัคซีนป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงตั้งแต่ต้นทาง
HPV: ป้องกันหูดหงอนไก่ และมะเร็งสัมพันธ์กับ HPV (ปากมดลูก/ทวารหนัก/คอหอย) – ฉีดตามช่วงอายุ และข้อบ่งชี้; ผู้ใหญ่ยังได้ประโยชน์ในหลายกรณี
ไวรัสตับอักเสบบี (HBV): ติดต่อทางเพศได้—ตรวจภูมิ/ฉีดให้ครบ หากยังไม่เคยได้รับ
(พิจารณา ตับซี/HCV คัดกรองในกลุ่มเสี่ยง)
ยาป้องกันสำหรับ HIV: PrEP & PEP
PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis): รับประทาน/ฉีดตามแนวทาง สำหรับผู้เสี่ยงสูง (เช่น MSM, คู่นอนหลายคน, มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สม่ำเสมอในการใช้ถุงยางอนามัย) → ลดเสี่ยงติด HIV ได้มาก เมื่อกิน/ฉีดสม่ำเสมอ
PEP (Post-Exposure Prophylaxis): ยาฉุกเฉินหลังเสี่ยง ภายใน 72 ชั่วโมง (ยิ่งเร็ว ยิ่งดี) ต่อเนื่อง ~28 วัน ภายใต้การดูแลแพทย์ + วางแผนตรวจตามกำหนด
หมายเหตุ: PrEP/PEP ป้องกัน HIV เท่านั้น ไม่ครอบคลุมแบคทีเรีย/ไวรัสอื่น ๆ จึงต้องใช้ร่วมกับถุงยางอนามัย วัคซีน และการตรวจสม่ำเสมอ
ลดพฤติกรรมเสี่ยง & ปัจจัยกระตุ้น
ลดจำนวนคู่นอน หรือคงความสัมพันธ์ที่มั่นคง
วางแผนก่อน หากรู้ว่าอาจดื่ม/ปาร์ตี้: พกถุงยางอนามัย/แดม/ลูบ, ตั้งขอบเขตล่วงหน้า
หลีกเลี่ยงการใช้เข็มร่วมกัน (เลือกรับบริการแลกเปลี่ยนเข็มสะอาดถ้ามี)
สังเกตสัญญาณผิดปกติ (แผล/ตุ่ม/ผื่น/คัน/ตกขาวผิดปกติ/ปัสสาวะแสบขัด/คออักเสบ) → งดกิจกรรมทางเพศ และตรวจโดยเร็ว
สื่อสารกับคู่นอน: ตรงไปตรงมา แต่ไม่ตีตรา
คุยข้อตกลง เรื่องการใช้ถุงยางอนามัย, การตรวจล่าสุด, วัคซีนที่ได้รับ, การใช้ PrEP
แจ้งคู่นอน หากตรวจพบการติดเชื้อ—หลายพื้นที่/แพลตฟอร์มมีบริการ แจ้งแบบไม่เปิดเผยตัวตน
หลีกเลี่ยงคำที่ตีตรา เช่น สกปรก/สำส่อน และใช้ถ้อยคำเน้น สุขภาพ & ความปลอดภัยร่วมกัน
แผนฉุกเฉินหลังเสี่ยง
ทันที–ภายใน 72 ชม.
ล้างบริเวณสัมผัสด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ (ไม่สวนล้างรุนแรง)
พบแพทย์ประเมิน PEP สำหรับ HIV + ตรวจตั้งต้น (baseline) + ประเมินวัคซีนตับบี
สัปดาห์ที่ 1–2: พิจารณา NAAT สำหรับหนองใน/หนองในเทียม (ตามตำแหน่งเสี่ยง)
สัปดาห์ที่ 2–4: ตรวจ ซิฟิลิส รอบแรก (RPR/VDRL)
สัปดาห์ที่ 4–6: ตรวจ HIV 4th Gen (ถ้าลบ และยังกังวล/เสี่ยงสูง ให้ยืนยันที่ 3 เดือน)
เดือนที่ 3: ยืนยัน HIV 4th Gen + retest GC/CT เพื่อคัดกรองการติดเชื้อซ้ำ
Safe Sex ไม่เพียงพอที่จะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้ 100% การตรวจสุขภาพทางเพศ และเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องคือกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพทั้งของตนเอง และคู่ครอง
ด้วยการแพทย์สมัยใหม่ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายชนิดสามารถรักษาให้หายได้ และโรคที่ไม่หายขาด เช่น HIV ก็สามารถควบคุมได้จนผู้ติดเชื้อมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงคนทั่วไป ดังนั้น การตรวจ และการรักษา โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แบบครบวงจร จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรใส่ใจ
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization (WHO). Sexually transmitted infections (STIs). ข้อมูลสถานการณ์โลกและแนวทางการป้องกัน. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/sexually-transmitted-infections-(stis)
Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Sexually Transmitted Infections – Treatment Guidelines, 2021. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/std/treatment-guidelines/default.htm
UNAIDS. Global HIV & AIDS statistics — Fact sheet. สถิติและข้อมูลระดับโลกเกี่ยวกับเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.unaids.org/en/resources/fact-sheet
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ข้อมูลโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการป้องกัน. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th
สมาคมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แห่งประเทศไทย. แนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.thstda.org



Comments