top of page

Safe Sex ไม่พอ! ทำความรู้จักการตรวจ และรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แบบครบวงจร

Updated: Sep 6

หลายคนเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย หรือ Safe Sex โดยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง จะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections: STI) ได้ 100% แต่ความจริงคือ Safe Sex ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก แต่ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด เพราะโรคติดต่อบางชนิด เช่น เริม (Herpes), HPV (Human Papillomavirus), หรือซิฟิลิส (Syphilis) สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสผิวหนัง และเยื่อบุที่ถุงยางอนามัยไม่ได้ปกปิด


เราจะพาคุณไปรู้จักการตรวจ และการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แบบครบวงจร ตั้งแต่ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ชนิดต่าง ๆ ความเสี่ยง อาการ วิธีตรวจรักษา ไปจนถึงการป้องกัน และแนวทางดูแลสุขภาพทางเพศที่ยั่งยืน

ภาพสื่อสารสุขภาพทางเพศ ป้องกันไม่พอด้วย Safe Sex ต้องตรวจและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แบบครบวงจรเพื่อความปลอดภัย
Safe Sex ไม่พอ! ทำความรู้จักการตรวจ และรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แบบครบวงจร

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คืออะไร?

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections: STI) คือการติดเชื้อที่แพร่ผ่านกิจกรรมทางเพศทุกรูปแบบ—สอดใส่ทางช่องคลอด/ทวารหนัก เพศสัมพันธ์ทางปาก รวมถึงการสัมผัส สารคัดหลั่ง (น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด เลือด) และ ผิวหนัง/เยื่อบุที่มีเชื้อ บางโรคยังถ่ายทอดได้จาก แม่สู่ลูก ระหว่างตั้งครรภ์ คลอด หรือให้นม


คำว่า STI เน้น การติดเชื้อของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งบางครั้งยังไม่มีอาการ ส่วน STD (โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์) โดยมากหมายถึงมีอาการแล้ว ปัจจุบันนิยมใช้ STI มากกว่า


กลุ่มของเชื้อที่ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI)

  • เชื้อแบคทีเรีย (รักษาหายได้ด้วยยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม)

    • ซิฟิลิส (Syphilis)

    • หนองในแท้ (Gonorrhea)

    • หนองในเทียม (Chlamydia trachomatis)

    • (อื่น ๆ: แผลริมอ่อน, ผีดาษลิง/ไข้ฝีดาษลิงติดต่อทางเพศได้ด้วยแต่เป็นไวรัส ไม่ใช่แบคทีเรีย—ใส่ไว้เพื่อแยกแยะ)

  • เชื้อไวรัส (มักควบคุมได้ มากกว่าหายขาด)

    • เอชไอวี (HIV)

    • HPV (Human Papillomavirus) — ทำให้หูดหงอนไก่ และเกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูก/ทวารหนัก/คอหอย

    • เริม (HSV-1/HSV-2) — แผลพุพองรอบอวัยวะเพศ/ปาก, เป็น ๆ หาย ๆ

    • ไวรัสตับอักเสบ บี/ซี (HBV/HCV) — ติดต่อทางเพศ และเลือด

  • เชื้อรา/ปรสิต

    • พยาธิช่องคลอด (Trichomoniasis)

    • เชื้อราแคนดิดา (Candidiasis) — บางครั้งไม่จัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แท้ ๆ แต่สัมพันธ์กับเพศสัมพันธ์ และการเสียสมดุลจุลินทรีย์


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ติดต่อได้อย่างไร?

  • การสอดใส่ ช่องคลอด/ทวารหนัก โดยไม่มีถุงยางอนามัย หรือใส่ไม่ถูกวิธี

  • เพศสัมพันธ์ทางปาก (oral sex) กับอวัยวะเพศ/ทวารหนัก

  • การสัมผัสผิวหนัง-ผิวหนัง/เยื่อบุ ที่มีแผลหรือตุ่มจาก HSV/HPV/ซิฟิลิส—even ถุงยางอนามัยก็ปิดได้ไม่หมด

  • สารคัดหลั่ง และเลือด เข้าสู่เยื่อบุหรือแผลถลอกเล็ก ๆ

  • อุปกรณ์/ของเล่นทางเพศ ใช้ร่วมกันโดยไม่ล้าง/ไม่เปลี่ยนถุงยางอนามัย

  • แม่สู่ลูก ระหว่างตั้งครรภ์ คลอด หรือให้นม (HIV, ซิฟิลิส, HBV)


ไม่ติดต่อ จากการกอด จับมือ ใช้ช้อนส้อมร่วมกัน ที่นั่งสาธารณะ หรือสระว่ายน้ำ


ทำไม Safe Sex จึงสำคัญมากแต่ยังไม่พอ

การใช้ถุงยางอนามัย และปฏิบัติแบบ Safe Sex ลดความเสี่ยงได้มาก แต่ไม่ใช่เกราะป้องกัน 100% เพราะมีปัจจัยต่อไปนี้

  • ความผิดพลาดจากการใช้ถุงยางอนามัย (user error & product limits)

    • แตก/หลุด/ขาด จากการไม่บีบ กระเปาะปลาย ไล่อากาศ, เลือก ขนาดไม่พอดี, หรือรูดไม่สุดโคน

    • สารหล่อลื่นไม่เข้ากัน: น้ำมัน/วาสลีนทำลาย ลาเท็กซ์ → เสี่ยงฉีกขาด (ควรใช้เจลสูตรน้ำหรือซิลิโคน)

    • แรงเสียดสีสูง/กิจกรรมยาวนาน โดยเฉพาะเพศทางทวารหนักที่ไม่มีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ → เพิ่มโอกาสฉีกหรือรั่ว

    • ทิปป้องกัน: ตรวจวันหมดอายุ, เก็บให้พ้นความร้อน, ใส่ให้ถูกด้าน และรูดจนสุด, เปลี่ยนถุงยางอนามัยเมื่อสลับ ประตูหลัง→ช่องคลอด/ปาก, ใช้เจลหล่อลื่นทุกครั้งที่มีแรงเสียดสีสูง

  • โรคบางชนิดติดจากผิวสู่ผิว แม้ไม่มีการสอดใส่

    • เริม (HSV), HPV, ซิฟิลิสช่วงมีแผล ติดต่อจากการสัมผัสผิว/เยื่อบุบริเวณอวัยวะเพศ ก้น ต้นขา โคนขา นอกพื้นที่ที่ถุงยางอนามัยปิด

    • แผ่นป้องกันช่องปาก (dental dam) และถุงยางอนามัย แบบผู้หญิง/ถุงยางอนามัยภายใน ช่วยลดเสี่ยงได้มากขึ้น แต่ยังไม่ใช่ 100%

  • เพศสัมพันธ์ทางปาก (oral sex) ก็เสี่ยง

    • หนองใน (คอ), ซิฟิลิส, หนองในเทียม, เริม, HPV ติดได้จาก oral sex

    • ทางปาก ไม่มีถุงยางอนามัยครอบคลุมทุกจุดสัมผัส และมักไม่ได้ใช้แดม → โอกาสรับเชื้อยังมี

  • ปัจจัยอื่น ๆ

    • ใช้ ของเล่นทางเพศร่วมกัน โดยไม่ล้าง/ไม่เปลี่ยนถุงยางอนามัยของอุปกรณ์

    • มี แผล/รอยถลอกเล็ก ๆ ที่ไม่รู้ตัว → เป็นช่องทางให้เชื้อเข้า

    • แอลกอฮอล์/สารเสพติด ลดความระมัดระวัง → โอกาสไม่ป้องกัน/ใช้ผิดวิธี เพิ่มขึ้น


สรุป: Safe Sex เป็นพื้นฐานที่ต้องทำ แต่ควรต้องเสริมด้วยการ ตรวจคัดกรองสม่ำเสมอ, ฉีด วัคซีน (HPV, ตับบี), ใช้ PrEP/PEP สำหรับ HIV เมื่อเหมาะสม, และสื่อสารกับคู่อย่างตรงไปตรงมา


อาการที่บ่งบอกว่าอาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

จำไว้ว่า หลายโรคไม่มีอาการ แต่ยังแพร่เชื้อได้ หากมีอาการต่อไปนี้ให้ตรวจโดยเร็ว

  • ปัสสาวะแสบขัด/ปวด หรือมี หนองไหลจากท่อปัสสาวะ

  • ตกขาวผิดปกติ (สี กลิ่น ปริมาณ) หรือมีเลือดออกผิดปกติ

  • แผล/ตุ่ม/ผื่น ที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือในปาก (อาจเจ็บหรือไม่เจ็บ)

  • คัน/เจ็บ บริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก

  • คออักเสบเรื้อรัง หลังมี oral sex, ทวารหนักปวด/คัน/มีมูกเลือด

  • ต่อมน้ำเหลืองโต ไข้ อ่อนเพลีย โดยไม่ทราบสาเหตุ

ไม่มีอาการก็ยังติด/แพร่ ได้—ถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยง ให้ตรวจตามช่วงเวลาแนะนำ

ภาพอธิบายวิธีการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตรวจหาเชื้อซิฟิลิส หนองใน เริม เอชไอวี และโรคติดต่ออื่น ๆ พร้อมแนะแนวว่าเหมาะสมตรวจเมื่อไร
วิธีการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (ตรวจอะไร? ใช้เมื่อไร?)

วิธีการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (ตรวจอะไร? ใช้เมื่อไร?)

  • การซักประวัติ และตรวจร่างกาย แพทย์จะถามเรื่อง จำนวนคู่นอน รูปแบบเพศสัมพันธ์ ตำแหน่งที่เสี่ยง (อวัยวะเพศ/คอ/ทวารหนัก) การใช้ถุงยางอนามัย ความถี่ และอาการร่วม พร้อมตรวจร่างกายเพื่อหาสัญญาณผิดปกติ (แผล/หูด/ต่อมน้ำเหลือง)

  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (เลือกตามความเสี่ยง และตำแหน่ง)

    • HIV ด้วยการตรวจ NAT/PCR: เจอตั้งแต่ ~10–14 วัน หลังเสี่ยง (ต้นทุนสูง ใช้กรณีเฉพาะ/ต้องการคำตอบเร็ว) หรือชุดตรวจรุ่นที่ 4 (Antigen/Antibody, p24 + Ab): ให้ความเชื่อถือสูงที่ 4–6 สัปดาห์; ยืนยันซ้ำที่ 3 เดือน หากมีความเสี่ยงสูง

    • ซิฟิลิส ด้วยการตรวจเลือด RPR/VDRL (คัดกรอง) + TPPA/TPHA (ยืนยัน) —เริ่มตรวจได้ ~2–4 สัปดาห์ หลังสัมผัส

    • หนองในแท้/หนองในเทียม (Gonorrhea/Chlamydia) ด้วยการ NAAT (PCR/Amplification) จาก ปัสสาวะ/ท่อปัสสาวะ, ปากมดลูก/ช่องคลอด, คอ, ทวารหนัก ตามตำแหน่งที่เสี่ยง — ให้ผลดีหลัง ~7–14 วัน

    • Trichomonas ด้วยการตรวจ NAAT หรือการตรวจจุลทรรศน์/แอนติเจน ตามความพร้อมของห้องปฏิบัติการ

    • HPV/มะเร็งปากมดลูก (สำหรับผู้ที่มีปากมดลูก) ด้วยการตรวจ Pap smear และ/หรือ HPV DNA test คัดกรองตามช่วงอายุ/แนวทางประเทศ (มักทุก 3–5 ปี ขึ้นกับชนิดการทดสอบ และผลก่อนหน้า)

    • ไวรัสตับอักเสบบี/ซี (HBV/HCV) ด้วยการตรวจเลือด HBsAg/Anti-HBc/Anti-HBs (ตับบี) และ Anti-HCV + HCV RNA (ตับซี) ตามข้อบ่งชี้

    • สำคัญมาก: เก็บตัวอย่างตามตำแหน่งเสี่ยง (เช่น MSM ควรพิจารณา swab คอ และ ทวารหนัก) เพราะอาจติดเฉพาะตำแหน่ง แม้ปัสสาวะปกติ

  • ระยะเวลาตรวจ (อิง Window Period โดยย่อ)

    • HIV NAT/PCR: ~10–14 วัน

    • HIV 4th Gen: 4–6 สัปดาห์ (ยืนยันที่ 3 เดือน หากเสี่ยงสูง)

    • ซิฟิลิส: 2–4 สัปดาห์

    • หนองใน/หนองในเทียม (NAAT): 7–14 วัน

    • HPV/Pap/HPV DNA: คัดกรองตามอายุ-แนวทางแพทย์ (ไม่ใช่ตรวจหลังเสี่ยงทันที)


ควรตรวจบ่อยแค่ไหน?

  • ความเสี่ยงต่อเนื่อง/คู่นอนหลายคน/MSM/sex work: ทุก 3–6 เดือน (รวมการตรวจตำแหน่งคอ/ทวารหนักด้วย)

  • คนทั่วไปที่มีเพศสัมพันธ์: อย่างน้อย ปีละครั้ง หรือเมื่อมีคู่นอนใหม่

  • หญิงตั้งครรภ์: ตรวจ HIV, ซิฟิลิส, HBV ตามแนวทาง เพื่อป้องกันแม่สู่ลูก


แนวทางการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 

กลุ่มโรคที่รักษาหายได้ (Bacterial/Parasitic STIs)


ซิฟิลิส (Syphilis)

ยาหลัก: Benzathine penicillin G (BPG) ฉีดเข้ากล้าม (IM)

  • ระยะต้น (primary/secondary/early latent): BPG 2.4 ล้านยูนิต IM ครั้งเดียว

  • ระยะสาย (late latent/ไม่ทราบระยะเวลา): BPG 2.4 ล้านยูนิต IM สัปดาห์ละครั้ง × 3 เข็ม

  • ประสาท/ตา/หู (neuro-/ocular-/otosyphilis): Aqueous penicillin G ให้ทางเส้นเลือด 10–14 วัน

  • แพ้เพนิซิลลิน: อาจใช้ doxycycline ในบางกรณี (เฉพาะผู้ไม่ตั้งครรภ์) แต่ หญิงตั้งครรภ์ต้องทำ desensitization แล้วให้เพนิซิลลินเท่านั้น

  • ติดตาม RPR/VDRL ตามกำหนด และ ตรวจ/รักษาคู่นอน (partner services)


หนองในแท้ (Gonorrhea)

แนวทางล่าสุด ไม่ใช้ azithromycin ร่วมเป็นสูตรมาตรฐาน อีกต่อไปในหลายประเทศ เนื่องจากการดื้อยา

  • ยาหลัก: Ceftriaxone IM ขนาดเดียว (ขนาดปรับตามน้ำหนัก; แพทย์เป็นผู้กำหนด)

  • ถ้ายังตัด chlamydia ไม่ได้ ให้เพิ่ม doxycycline รับประทาน 7 วัน (ในหญิงตั้งครรภ์มักใช้ azithromycin 1 กรัมครั้งเดียว แทน doxycycline)

  • ตำแหน่งคอ (pharyngeal GC): มักแนะนำ test-of-cure (ตรวจยืนยันหาย) ประมาณ 7–14 วันหลังรักษา

  • งดเพศสัมพันธ์ จนพ้นระยะติดต่อ/ครบการรักษา และอาการหายดี และ ตรวจซ้ำเพื่อดูการติดเชื้อซ้ำ ประมาณ 3 เดือน


หนองในเทียม (Chlamydia trachomatis)

  • ยาหลัก (first-line): Doxycycline 7 วัน

  • ทางเลือก/ตั้งครรภ์: Azithromycin 1 กรัม ครั้งเดียว (หรือสูตรอื่นตามแพทย์เห็นสมควร)

  • ควร ตรวจ/รักษาคู่นอนย้อนหลัง ตามช่วงเวลาเสี่ยง และ retest ประมาณ 3 เดือน เพราะ ติดซ้ำ พบบ่อย


Trichomoniasis (พยาธิช่องคลอด)

  • Metronidazole หรือ Tinidazole ตามสูตรมาตรฐาน ผู้หญิงหลายแนวทางชี้ว่า metronidazole 500 มก. วันละ 2 ครั้ง × 7 วัน ให้ผลดีกว่าสูตรครั้งเดียว

  • รักษาคู่นอนพร้อมกัน และ งดเพศสัมพันธ์ จนกว่าจะหาย

  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ระหว่างใช้ และหลังใช้ metronidazole ตามข้อกำหนด (เสี่ยงปฏิกิริยาคล้ายดิสัลฟิราม)


กลุ่มไม่หายขาดแต่ควบคุมได้ (Viral STIs)

เอชไอวี (HIV)

  • ยาต้านไวรัส (ART) เป็นมาตรฐาน เริ่มเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

  • สูตรปัจจุบันมักเป็น integrase inhibitor–based (เช่น bictegravir/TAF/FTC หรือ dolutegravir + TDF/FTC) ปรับตามดุลยพินิจแพทย์

  • เป้าหมายคือ กดไวรัสจนตรวจไม่พบ (Undetectable) → หลักฐานชัดเจนว่า ไม่แพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ (U=U)

  • ประเมิน CD4 และโรคร่วม/การฉีดวัคซีน/PrEP ในคู่นอนที่ยังไม่ติดเชื้อ


HPV (Human Papillomavirus)

  • ไม่มียาต้านไวรัส ที่กำจัดเชื้อโดยตรง

  • การดูแล: ฉีดวัคซีน HPV (ป้องกันสายพันธุ์เสี่ยง), คัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap/HPV DNA), และรักษา หูดหงอนไก่ ตามอาการ

    • วิธีรักษาหูด: จี้ความเย็น (cryotherapy), จี้ไฟฟ้า/เลเซอร์, หรือ ยาทาเฉพาะที่ (เช่น imiquimod, podofilox)

  • การติดเชื้อจำนวนมาก หายเองได้ ใน 1–2 ปี แต่ต้องคัดกรองตามกำหนดเพื่อลดความเสี่ยงมะเร็ง


เริมอวัยวะเพศ (HSV-1/HSV-2)

  • Acyclovir / Valacyclovir / Famciclovir

    • Episodic therapy: กินเมื่อเริ่มมีอาการ เพื่อลดระยะ/ความรุนแรง

    • Suppressive therapy: กินต่อเนื่องรายวันเพื่อลดการกำเริบ และการแพร่เชื้อ (เหมาะกับคนที่เป็นบ่อย/กระทบชีวิต)

  • งดเพศสัมพันธ์ช่วงมีแผล/ปวดแสบร้อน (prodrome) แม้ใช้ถุงยางอนามัยก็ยังเสี่ยงแพร่จากบริเวณที่ถุงยางอนามัยไม่ครอบคลุม


หลักเสริมการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ห้ามลืม

  • ตรวจตามตำแหน่งเสี่ยง: อวัยวะเพศ/คอ/ทวารหนัก (โดยเฉพาะ MSM) เพราะอาจติดเฉพาะตำแหน่งเดียว

  • Partner management: แจ้ง-ชวนคู่นอนมาตรวจ/รักษา (“expedited partner therapy” อาจทำได้ในบางพื้นที่ตามกฎหมาย/แนวทาง)

  • งดเพศสัมพันธ์ชั่วคราว: จนกว่าจะรับการรักษาครบ และอาการหายดี เพื่อป้องกันแพร่เชื้อ/ติดซ้ำ

  • Test of cure / Retesting: ตามโรค และตำแหน่ง (เช่น หนองในคอ), และ retest ที่ ~3 เดือน สำหรับ GC/CT เพื่อตรวจการติดเชื้อซ้ำ

  • คัดกรองโรคร่วม: HIV, ซิฟิลิส, ตับอักเสบ บี/ซี และให้ วัคซีน ที่จำเป็น (HPV, HepB)

  • ไม่ซื้อยาปฏิชีวนะเอง: ลดปัญหา ดื้อยา และการรักษาไม่ตรงเชื้อ

ภาพให้ความรู้การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แบบครบวงจร ครอบคลุมการใช้ถุงยาง การตรวจสุขภาพประจำ การฉีดวัคซีน และการมีพฤติกรรมทางเพศที่ปลอดภัย
การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แบบครบวงจร

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แบบครบวงจร


ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่เป็นไปได้

  • ชนิด

    • ถุงยางอนามัยภายนอก (external/ชาย) – ทำจากลาเท็กซ์/โพลียูรีเทน/โพลีไอโซพรีน

    • ถุงยางอนามัยภายใน (internal/หญิง) – ครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่า ช่วยลดการสัมผัสผิว–ผิวได้ดี

  • เลือกขนาด: แน่นไปเสี่ยงฉีก หลวมไปเสี่ยงหลุด ลองไซซ์ให้พอดี (วัดรอบวงเป็นหลัก)

  • วิธีใส่ถูกต้อง (ย่อ)

    • เช็กวันหมดอายุ–บรรจุภัณฑ์ไม่รั่ว

    • เปิดซองด้วยนิ้ว (ไม่ใช้ฟัน/ของมีคม)

    • บีบกระเปาะปลาย ไล่อากาศ แล้วรูดลงสุดโคน

    • ใช้ เจลหล่อลื่นสูตรน้ำ/ซิลิโคน (ห้ามน้ำมันกับลาเท็กซ์)

    • เสร็จแล้วจับขอบโคนรูดออกทันที ขณะยังแข็งอยู่ มัดทิ้งถังขยะ (ไม่ทิ้งชักโครก)

  • กฎทอง: เปลี่ยนถุงยางอนามัยทุกครั้งที่สลับช่องทาง (ทวารหนัก → ช่องคลอด/ปาก) และทุกครั้งที่เปลี่ยนคู่นอน/ของเล่นทางเพศ

แผ่นแดม (Dental dam) สำหรับ oral sex

  • ใช้แผ่นแดมสำเร็จรูป หรือดัดแปลง ถุงยางอนามัย/ถุงมือ ให้เป็นแผ่นบางคลุมบริเวณช่องคลอด/ทวารหนัก

  • ใส่ เจลหล่อลื่นบาง ๆ เพื่อแนบสนิท ลดฉีกขาด

เจลหล่อลื่น (Lube)

  • เลือก สูตรน้ำ/ซิลิโคน เพื่อถนอมถุงยางอนามัย ลดเสียดสี และการฉีกขาด

  • เลี่ยง น้ำมัน/วาสลีน/โลชั่น กับถุงยางอนามัย ลาเท็กซ์ (ทำให้เปราะ)

ของเล่นทางเพศ (Sex toys)

  • ล้างตามชนิดวัสดุ + ฆ่าเชื้อตามคำแนะนำผู้ผลิต

  • ใส่ถุงยางอนามัยบนอุปกรณ์ และ เปลี่ยนถุงยางอนามัย เมื่อเปลี่ยนคน/ตำแหน่ง (ปาก–ช่องคลอด–ทวารหนัก)

  • เก็บให้แห้ง สะอาด หลีกเลี่ยงการปนกันของวัสดุที่ทำให้ผิวเสื่อม


ตรวจสุขภาพทางเพศตามความเสี่ย (แม้ไม่มีอาการ)

หลายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่มีอาการแต่ยังแพร่เชื้อได้ การตรวจตามกำหนดคือหัวใจสำคัญ

  • ความเสี่ยงต่อเนื่อง / คู่นอนหลายคน / MSM: ตรวจทุก 3–6 เดือน

  • คนทั่วไปที่มีเพศสัมพันธ์: อย่างน้อย ปีละครั้ง หรือเมื่อมีคู่นอนใหม่

  • ตำแหน่งที่ต้องเก็บตัวอย่าง (ตามพฤติกรรมจริง): ปัสสาวะ/ท่อปัสสาวะ, คอ, ทวารหนัก, ปากมดลูก/ช่องคลอด

  • ตัวอย่างการตรวจ

    • HIV: 4th Gen ที่ 4–6 สัปดาห์หลังเสี่ยง (ยืนยันที่ 3 เดือนถ้าเสี่ยงสูง) / NAT ในบางกรณีที่ต้องการผลเร็ว

    • ซิฟิลิส: RPR/VDRL + TPPA/TPHA (เริ่มได้ราว 2–4 สัปดาห์)

    • หนองใน–หนองในเทียม: NAAT (PCR) จากตำแหน่งเสี่ยง (คอ/ทวารหนัก/อวัยวะเพศ) ~7–14 วันหลังเสี่ยง

    • HPV & Pap/HPV DNA: คัดกรองตามอายุ/แนวทางแพทย์ (สำหรับผู้ที่มีปากมดลูก)


วัคซีนป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงตั้งแต่ต้นทาง

  • HPV: ป้องกันหูดหงอนไก่ และมะเร็งสัมพันธ์กับ HPV (ปากมดลูก/ทวารหนัก/คอหอย) – ฉีดตามช่วงอายุ และข้อบ่งชี้; ผู้ใหญ่ยังได้ประโยชน์ในหลายกรณี

  • ไวรัสตับอักเสบบี (HBV): ติดต่อทางเพศได้—ตรวจภูมิ/ฉีดให้ครบ หากยังไม่เคยได้รับ

  • (พิจารณา ตับซี/HCV คัดกรองในกลุ่มเสี่ยง)


ยาป้องกันสำหรับ HIV: PrEP & PEP

  • PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis): รับประทาน/ฉีดตามแนวทาง สำหรับผู้เสี่ยงสูง (เช่น MSM, คู่นอนหลายคน, มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สม่ำเสมอในการใช้ถุงยางอนามัย) → ลดเสี่ยงติด HIV ได้มาก เมื่อกิน/ฉีดสม่ำเสมอ

  • PEP (Post-Exposure Prophylaxis): ยาฉุกเฉินหลังเสี่ยง ภายใน 72 ชั่วโมง (ยิ่งเร็ว ยิ่งดี) ต่อเนื่อง ~28 วัน ภายใต้การดูแลแพทย์ + วางแผนตรวจตามกำหนด

หมายเหตุ: PrEP/PEP ป้องกัน HIV เท่านั้น ไม่ครอบคลุมแบคทีเรีย/ไวรัสอื่น ๆ จึงต้องใช้ร่วมกับถุงยางอนามัย วัคซีน และการตรวจสม่ำเสมอ


ลดพฤติกรรมเสี่ยง & ปัจจัยกระตุ้น

  • ลดจำนวนคู่นอน หรือคงความสัมพันธ์ที่มั่นคง

  • วางแผนก่อน หากรู้ว่าอาจดื่ม/ปาร์ตี้: พกถุงยางอนามัย/แดม/ลูบ, ตั้งขอบเขตล่วงหน้า

  • หลีกเลี่ยงการใช้เข็มร่วมกัน (เลือกรับบริการแลกเปลี่ยนเข็มสะอาดถ้ามี)

  • สังเกตสัญญาณผิดปกติ (แผล/ตุ่ม/ผื่น/คัน/ตกขาวผิดปกติ/ปัสสาวะแสบขัด/คออักเสบ) → งดกิจกรรมทางเพศ และตรวจโดยเร็ว


สื่อสารกับคู่นอน: ตรงไปตรงมา แต่ไม่ตีตรา

  • คุยข้อตกลง เรื่องการใช้ถุงยางอนามัย, การตรวจล่าสุด, วัคซีนที่ได้รับ, การใช้ PrEP

  • แจ้งคู่นอน หากตรวจพบการติดเชื้อ—หลายพื้นที่/แพลตฟอร์มมีบริการ แจ้งแบบไม่เปิดเผยตัวตน

  • หลีกเลี่ยงคำที่ตีตรา เช่น สกปรก/สำส่อน และใช้ถ้อยคำเน้น สุขภาพ & ความปลอดภัยร่วมกัน


แผนฉุกเฉินหลังเสี่ยง

  • ทันที–ภายใน 72 ชม.

    • ล้างบริเวณสัมผัสด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ (ไม่สวนล้างรุนแรง)

    • พบแพทย์ประเมิน PEP สำหรับ HIV + ตรวจตั้งต้น (baseline) + ประเมินวัคซีนตับบี

  • สัปดาห์ที่ 1–2: พิจารณา NAAT สำหรับหนองใน/หนองในเทียม (ตามตำแหน่งเสี่ยง)

  • สัปดาห์ที่ 2–4: ตรวจ ซิฟิลิส รอบแรก (RPR/VDRL)

  • สัปดาห์ที่ 4–6: ตรวจ HIV 4th Gen (ถ้าลบ และยังกังวล/เสี่ยงสูง ให้ยืนยันที่ 3 เดือน)

  • เดือนที่ 3: ยืนยัน HIV 4th Gen + retest GC/CT เพื่อคัดกรองการติดเชื้อซ้ำ


Safe Sex ไม่เพียงพอที่จะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้ 100% การตรวจสุขภาพทางเพศ และเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องคือกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพทั้งของตนเอง และคู่ครอง


ด้วยการแพทย์สมัยใหม่ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายชนิดสามารถรักษาให้หายได้ และโรคที่ไม่หายขาด เช่น HIV ก็สามารถควบคุมได้จนผู้ติดเชื้อมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงคนทั่วไป ดังนั้น การตรวจ และการรักษา โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แบบครบวงจร จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรใส่ใจ


เอกสารอ้างอิง

  • World Health Organization (WHO). Sexually transmitted infections (STIs). ข้อมูลสถานการณ์โลกและแนวทางการป้องกัน. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/sexually-transmitted-infections-(stis)

  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Sexually Transmitted Infections – Treatment Guidelines, 2021. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/std/treatment-guidelines/default.htm

  • UNAIDS. Global HIV & AIDS statistics — Fact sheet. สถิติและข้อมูลระดับโลกเกี่ยวกับเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.unaids.org/en/resources/fact-sheet

  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ข้อมูลโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการป้องกัน. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th

  • สมาคมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แห่งประเทศไทย. แนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.thstda.org

Comments


12 Terry Francine St.

San Francisco, CA 94158

Opening Hours

Mon - Fri

8:00 am – 8:00 pm

Saturday

9:00 am – 7:00 pm

​Sunday

9:00 am – 9:00 pm

bottom of page