Chemsex อันตรายที่ซ่อนอยู่ในการใช้สารเสพติดเพื่อเพิ่มความสุขทางเพศ
- Siri Writer
- Feb 3
- 5 min read
Updated: 6 minutes ago
Chemsex เป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเสพติดเพื่อกระตุ้น และเพิ่มความพึงพอใจทางเพศ ซึ่งมักพบในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) และกลุ่มที่มีพฤติกรรมทางเพศที่มีความเสี่ยงสูง โดยมีการใช้สารกระตุ้นเพื่อยืดเวลาทางเพศ ทำให้มีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงขึ้น หรือเพื่อเพิ่มความมั่นใจ
แม้ว่า Chemsex อาจดูเป็นแนวทางที่ให้ความสุขในระยะสั้น แต่ในความเป็นจริง การใช้สารเสพติดเพื่อมีเพศสัมพันธ์นั้นมีความเสี่ยงที่ร้ายแรง ทั้งในแง่ของสุขภาพกาย และจิตใจ รวมถึงอันตรายทางกฎหมาย และสังคม ฉะนั้นการความเข้าใจเกี่ยวกับ Chemsex ตั้งแต่สาเหตุ รูปแบบการใช้สารเสพติด ผลกระทบต่อร่างกาย และจิตใจ และแนวทางป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

Chemsex คืออะไร?
Chemsex หรือ Chemical Sex เป็นพฤติกรรมการใช้สารเสพติดเพื่อเพิ่มความสุขในการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งสารเหล่านี้มักเป็นยากระตุ้นหรือยากดประสาทที่มีผลต่อระบบประสาท และสมอง ทำให้ผู้ใช้มีความต้องการทางเพศสูงขึ้น รู้สึกผ่อนคลาย และสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้นานขึ้น Chemsex มักเกิดขึ้นในปาร์ตี้ส่วนตัวหรือกลุ่มเฉพาะที่ต้องการประสบการณ์ทางเพศที่เร้าใจมากขึ้น
แม้ว่า Chemsex อาจให้ความรู้สึกพึงพอใจในระยะสั้น แต่การใช้สารเสพติดเพื่อกระตุ้นพฤติกรรมทางเพศนั้นมี ความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพกาย และจิตใจ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น HIV, ซิฟิลิส, หนองใน และไวรัสตับอักเสบบี/ซี Chemsex จึงเป็นประเด็นที่ต้องได้รับความเข้าใจ และการเฝ้าระวังอย่างจริงจัง
ลักษณะของ Chemsex Chemsex มักเกิดขึ้นใน ปาร์ตี้ส่วนตัว หรือสถานที่ที่ผู้เข้าร่วมสามารถใช้สารเสพติด และมีเพศสัมพันธ์ได้นานหลายชั่วโมง หรือแม้แต่หลายวัน โดยมักมีการใช้ยาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้
มีเพศสัมพันธ์ได้นานขึ้น
ลดความรู้สึกเขินอาย (ลดการยับยั้งชั่งใจ)
เพิ่มความต้องการทางเพศ (Sexual Arousal)
มีคู่นอนหลายคน ในช่วงเวลาเดียวกัน
พฤติกรรมทางเพศที่มักเกี่ยวข้องกับ Chemsex
มีคู่นอนหลายคน โดยเฉพาะในปาร์ตี้ที่มีคนจำนวนมาก
ไม่ใช้ถุงยางอนามัย เพิ่มโอกาสในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
การใช้สารเสพติดร่วมกันผ่านเข็มฉีดยา ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี และไวรัสตับอักเสบ
การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง หรือยาวนานเกินไปจนเกิดอันตราย เช่น การฉีกขาดของเยื่อบุช่องคลอดหรือทวารหนัก
Chemsex เกิดขึ้นในกลุ่มใดบ้าง?
Chemsex พบมากใน กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในกลุ่มเพศอื่น ๆ ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสูงทางเพศ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ หรือสถานที่ที่มีชุมชนที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเสพติด
กลุ่มที่มีแนวโน้มใช้ Chemsex ได้แก่
ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) และ LGBTQ+
ผู้ที่ใช้สารเสพติดเป็นประจำ
ผู้ที่ต้องการลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสมรรถภาพทางเพศ
ผู้ที่เข้าร่วมปาร์ตี้เซ็กส์ (Sex Parties) เป็นประจำ
Chemsex มักเกี่ยวข้องกับความพยายามในการหาความสุขทางเพศ และความสัมพันธ์ทางสังคม แต่กลับเป็นพฤติกรรมที่แฝงด้วยความเสี่ยงต่อสุขภาพ
ทำไม Chemsex ถึงเป็นเรื่องที่ต้องระวัง?
Chemsex เป็นปัญหาที่น่ากังวลเนื่องจาก ความเสี่ยงสูงทางสุขภาพ และผลกระทบต่อจิตใจ ซึ่งรวมถึง
Chemsex เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ Chemsex มีความเชื่อมโยงอย่างมีนัยสำคัญกับการแพร่กระจายของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะ HIV, ซิฟิลิส, หนองใน, HPV และไวรัสตับอักเสบบี/ซี การใช้สารเสพติดในการมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้ผู้ใช้สูญเสียการควบคุมพฤติกรรม ลดความระมัดระวัง และทำให้มีพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงสูงมากขึ้น
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับ Chemsex
HIV - เชื้อไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เกิดโรคเอดส์ (AIDS) ในระยะสุดท้าย
โรคซิฟิลิส - โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรง รวมถึงผลกระทบต่อสมอง และหัวใจ
โรคหนองใน และโรคหนองในเทียม - ทำให้เกิดอาการอักเสบในอวัยวะเพศ ระบบทางเดินปัสสาวะ และทวารหนัก
โรคไวรัสตับอักเสบบี/ซี - โรคตับที่อาจนำไปสู่ภาวะตับแข็ง และมะเร็งตับ
Chemsex อาจนำไปสู่ภาวะเสพติด และพึ่งพายาเพื่อมีเพศสัมพันธ์ Chemsex ทำให้บางคนรู้สึกว่าจำเป็นต้องใช้สารเสพติดเพื่อให้มีความสุขทางเพศ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเสพติดสารเสพติดในระยะยาว ผู้ใช้บางคนอาจพบว่า ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หากไม่มีการใช้ยา หรือรู้สึกว่าเพศสัมพันธ์ตามปกติไม่น่าพึงพอใจอีกต่อไป
รูปแบบของภาวะเสพติดจาก Chemsex
การใช้สารเสพติดเป็นประจำก่อนมีเพศสัมพันธ์ - ผู้ใช้บางคนอาจรู้สึกว่าต้องใช้ยาเพื่อให้มีอารมณ์ทางเพศ
ต้องเพิ่มปริมาณยามากขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เดิม - ภูมิต้านทานต่อสารเสพติดจะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณยาเรื่อย ๆ
เกิดอาการถอนยาเมื่อไม่ได้ใช้ - เช่น อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล ซึมเศร้า และไม่มีความต้องการทางเพศ
ผลกระทบทางจิตใจจาก Chemsex Chemsex อาจทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตในระยะยาว เช่น
ภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล - เมื่อสารเสพติดหมดฤทธิ์ ผู้ใช้บางคนอาจเกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และรู้สึกโดดเดี่ยว
โรคเครียดหลังเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) - Chemsex อาจนำไปสู่การถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะ PTSD
อารมณ์แปรปรวน และพฤติกรรมก้าวร้าว - สารเสพติดบางชนิดทำให้เกิดอารมณ์รุนแรงและพฤติกรรมก้าวร้าว
อันตรายจากการใช้สารเสพติดเกินขนาด (Overdose) Chemsex มีความเสี่ยงต่อการใช้ยาเกินขนาด (Overdose) ซึ่งอาจทำให้หมดสติ หรือเสียชีวิต โดยเฉพาะเมื่อใช้ GHB, Methamphetamine หรือ Ketamine
อาการของ Overdose จาก Chemsex
หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจวาย
หายใจลำบาก หรือระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
ชัก หรือหมดสติ
ภาวะความดันโลหิตต่ำอย่างรุนแรง
การใช้สารเสพติดหลายชนิดร่วมกัน เช่น GHB กับแอลกอฮอล์ หรือ Methamphetamine กับ Ketamine อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการ Overdose อย่างมีนัยสำคัญ
Chemsex และผลกระทบต่อสังคม Chemsex ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อบุคคล แต่ยังมีผลกระทบต่อสังคมโดยรวม โดยเฉพาะในชุมชนชายรักชาย และกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
เพิ่มภาระต่อระบบสาธารณสุข - มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นจากพฤติกรรม Chemsex
ปัญหาทางกฎหมาย - การใช้ และครอบครองสารเสพติดที่เกี่ยวข้องกับ Chemsex ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในหลายประเทศ รวมถึงไทย
อัตราการเกิดอาชญากรรมทางเพศสูงขึ้น - มีรายงานการล่วงละเมิดทางเพศที่เกี่ยวข้องกับ Chemsex เพิ่มขึ้น

ประเภทของสารเสพติดที่ใช้ใน Chemsex
สารเสพติดที่ใช้ใน Chemsex ส่วนใหญ่มักเป็น ยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ช่วยกระตุ้นความสุข และความต้องการทางเพศ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่
สารกระตุ้น (Stimulants),
สารกดประสาท (Depressants),
ยากล่อมประสาท และยานอนหลับ (Sedatives)
ยาเพิ่มความต้องการทางเพศ (Sexual Enhancers)
โดยสารเสพติดแต่ละประเภทมีคุณสมบัติ และอันตรายที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1. สารกระตุ้น (Stimulants)
สารกระตุ้นเป็นกลุ่มสารเสพติดที่ช่วยเพิ่มพลังงาน ลดความเหนื่อยล้า และเพิ่มความต้องการทางเพศ ทำให้ผู้ใช้สามารถมีเพศสัมพันธ์ต่อเนื่องได้เป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงของการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง และเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
Methamphetamine (Crystal Meth หรือ Tina)
เป็นสารกระตุ้นระบบประสาทที่รุนแรง ซึ่งสามารถทำให้เกิดความตื่นตัวสูงและกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ
Methamphetamine ทำให้ผู้ใช้ ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเจ็บปวด ทำให้มีเพศสัมพันธ์เป็นระยะเวลานานเกินไป และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่อวัยวะเพศหรือทวารหนัก
มีฤทธิ์ทำลายสมอง หากใช้ต่อเนื่องอาจทำให้เกิดอาการประสาทหลอน, ภาวะหวาดระแวง และอารมณ์แปรปรวน
มีความเสี่ยงสูงต่อ ภาวะหัวใจล้มเหลว และการใช้ยาเกินขนาด (Overdose)
Cocaine
เป็นสารกระตุ้นที่ให้ความรู้สึกสุขใจ และมั่นใจในตนเองมากขึ้น ทำให้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีความกังวล
ส่งผลให้เกิดการใช้ถุงยางอนามัยลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
มีผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ความดันโลหิตสูง และเสี่ยงต่อ ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
สามารถทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงเมื่อหมดฤทธิ์ยา
2. สารกดประสาท (Depressants)
สารกดประสาทมีฤทธิ์ทำให้เกิดความผ่อนคลาย ลดความเครียด และทำให้เกิดอาการมึนเมา แต่ในขณะเดียวกัน ทำให้ความสามารถในการตัดสินใจลดลง และเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
GHB (Gamma Hydroxybutyrate) หรือ GBL
เป็นสารที่ทำให้เกิดอาการ มึนเมา คลายความกังวล และลดความสามารถในการตัดสินใจ
หากใช้ในปริมาณมากอาจทำให้ หมดสติ หรืออัมพาตชั่วคราว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ GHB ถูกใช้เป็น "ยาเสียสาว" หรือ Date Rape Drug
การใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์หรือสารกดประสาทอื่น ๆ อาจทำให้เกิดอาการกดการหายใจ และเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
หากใช้เป็นประจำจะทำให้เกิด ภาวะติดยาอย่างรุนแรง และอาจมีอาการถอนที่อันตรายเมื่อหยุดใช้
Ketamine
เป็นยาออกฤทธิ์หลอนประสาท และทำให้ร่างกายมึนชา ซึ่งมักใช้เป็นยาสลบในสัตวแพทย์
ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกเจ็บปวดทางกาย และอาจทำให้มีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงหรือยาวนานกว่าปกติจนเกิดอันตราย
หากใช้ร่วมกับยาอื่น อาจเกิดอาการ หลุดออกจากความเป็นจริง (Dissociation) หรือเกิดภาพหลอนที่รุนแรง
เสี่ยงต่อ ภาวะติดยา และการใช้เกินขนาด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหมดสติหรือเสียชีวิต
3. ยากล่อมประสาท และยานอนหลับ (Sedatives)
กลุ่มยานอนหลับ และยากล่อมประสาทมักถูกใช้ร่วมกับ Chemsex เพื่อช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย แต่มีอันตรายอย่างมากเมื่อใช้ในปริมาณมาก หรือใช้ร่วมกับสารเสพติดอื่น ๆ
Benzodiazepines (Valium, Xanax, Rohypnol)
เป็นกลุ่มยากล่อมประสาทที่ใช้รักษาอาการวิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับ
ใช้ใน Chemsex เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความกังวลเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์
เสี่ยงต่อการใช้ยาเกินขนาด หากใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดอื่น ๆ
ทำให้เกิดภาวะติดยาอย่างรวดเร็ว และมีอาการถอนที่อันตรายหากหยุดใช้ทันที
4. ยาเพิ่มความต้องการทางเพศ (Sexual Enhancers)
ยาในกลุ่มนี้ไม่ได้ออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบประสาท แต่ช่วยกระตุ้นการตอบสนองทางเพศ และทำให้เกิดความสุขเพิ่มขึ้น
Poppers (Amyl Nitrite)
เป็นสารระเหยที่ใช้โดยการสูดดม เพื่อให้เกิดความรู้สึกเคลิ้ม และกระตุ้นการตอบสนองทางเพศ
ช่วย ขยายหลอดเลือด ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อรอบทวารหนัก ทำให้ใช้กันในกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
เสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตต่ำอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เป็นลมหรือหมดสติ
หากใช้ร่วมกับยาไวอากร้า (Viagra) อาจทำให้เกิด ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

ปัจจัยที่มีอิทธิพลให้คนใช้ Chemsex
การใช้ Chemsex นั้นมักเกี่ยวข้องกับความต้องการทางเพศ ความต้องการลดความกังวล และอิทธิพลจากสังคมโดยรอบ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถนำไปสู่การใช้สารเสพติดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนี้
ความต้องการลดความเครียด และความกังวลในการมีเพศสัมพันธ์ หลายคนที่หันมาใช้ Chemsex มักมีความกังวลเกี่ยวกับ สมรรถภาพทางเพศ หรือมี ปัญหาด้านอารมณ์ที่ส่งผลต่อชีวิตทางเพศ เช่น ความกดดันจากคู่รัก ความกลัวการถูกตัดสินจากคู่นอน หรือปัญหาสุขภาพจิตที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับตัวเอง
สารเสพติดช่วยลดความกังวลทางจิตใจ
Methamphetamine (Tina) หรือ Cocaine ช่วยเพิ่มพลังงาน ทำให้รู้สึกมั่นใจ และลดความวิตกกังวล
GHB หรือ Ketamine ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ละลดความตึงเครียด
Benzodiazepines (เช่น Xanax, Valium) ถูกใช้เพื่อบรรเทาความวิตกกังวล และทำให้รู้สึกสงบขึ้น
เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถทำให้เกิดอาการมึนเมา และเปลี่ยนแปลงการรับรู้ ผู้ใช้จึงอาจไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา ความสามารถทางเพศ หรือความคาดหวังที่คู่ของตนอาจมี ส่งผลให้พวกเขารู้สึกสบายใจมากขึ้น และมีเซ็กส์ได้ง่ายขึ้น
แรงกดดันจากกลุ่มเพื่อนหรือชุมชน แรงกดดันจากสังคมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อพฤติกรรม Chemsex โดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) ซึ่งมีวัฒนธรรมบางส่วนที่สนับสนุน Chemsex
ปัจจัยทางสังคมที่กระตุ้นให้เกิด Chemsex
การเข้าสังคม และงานปาร์ตี้ – ในบางกลุ่ม Chemsex กลายเป็นวัฒนธรรมปาร์ตี้ที่พบได้ทั่วไป ผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่มีการใช้สารเสพติดอาจรู้สึกว่าต้องเข้าร่วมเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ
สื่อโซเชียล และแอปพลิเคชันหาคู่ – ปัจจุบันแอปพลิเคชันเช่น Grindr, Tinder หรือ Scruff เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้การนัด Chemsex ง่ายขึ้น บางคนอาจได้รับคำเชิญเข้าร่วม "ปาร์ตี้เซ็กส์" ที่มีการใช้สารเสพติดเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม
ความต้องการเป็นที่ยอมรับ – ผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองถูกกีดกันทางสังคม อาจใช้ Chemsex เป็นวิธีการสร้างความสัมพันธ์ และหาความเชื่อมโยงกับผู้อื่น
การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มี Chemsex เป็นเรื่องปกติทำให้หลายคนรู้สึกว่า การใช้สารเสพติดเพื่อเซ็กส์เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ และอาจนำไปสู่การลองใช้สารเสพติดแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยสนใจมาก่อน
ต้องการเพิ่มความสุขทางเพศ และความมั่นใจ Chemsex ถูกใช้เป็นวิธีหนึ่งในการ ขยายขีดความสามารถทางเพศ และเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมองหา โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องการประสบการณ์เซ็กส์ที่เร่าร้อน และยาวนานขึ้น และช่วยเพิ่มความมั่นใจในตนเอง เพราะสำหรับบางคน Chemsex ทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจมากขึ้น และลดความอายหรือความลังเลในการแสดงออกทางเพศ บางคนอาจใช้เพื่อช่วยให้พวกเขารู้สึกเปิดกว้าง และกล้าที่จะทำในสิ่งที่ปกติแล้วไม่กล้าทำ เช่น
การทดลองมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน
การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงขึ้น
การทดลองใช้วิธีการมีเพศสัมพันธ์แบบใหม่
แม้ว่าการใช้สารเสพติดเพื่อเพิ่มความสุขทางเพศอาจดูเหมือนเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น แต่ในระยะยาวอาจนำไปสู่ภาวะเสพติด ทำให้ไม่สามารถมีเซ็กส์ได้โดยปราศจากยา และส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต
ปัญหาสุขภาพจิตที่ไม่ได้รับการดูแล เช่น ภาวะซึมเศร้า สุขภาพจิตเป็นปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ Chemsex หลายคนที่มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือความรู้สึกโดดเดี่ยว อาจหันไปใช้ Chemsex เพื่อหลีกหนีจากความรู้สึกเหล่านี้
การใช้ Chemsex เป็นการ "หนีปัญหา"
ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าอาจใช้ Methamphetamine หรือ GHB เพื่อทำให้รู้สึกดีขึ้น
ผู้ที่รู้สึกโดดเดี่ยวอาจใช้ Chemsex เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางกายกับผู้อื่น
ผู้ที่มีความเครียดจากชีวิตประจำวันอาจใช้ยาเพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย
อย่างไรก็ตาม Chemsex ไม่สามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตได้จริง ๆ ในทางกลับกัน อาจทำให้อาการแย่ลงเมื่อหมดฤทธิ์ยา และทำให้เกิดวงจรของ "การใช้ยาเพื่อหนีปัญหา"

ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ Chemsex
เสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ Chemsex ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เช่น HIV โรคซิฟิลิส โรคหนองใน และไวรัสตับอักเสบบี และซี
การมีเพศสัมพันธ์ที่ยาวนานและรุนแรงขึ้น
สารเสพติดบางชนิด เช่น Methamphetamine (Crystal Meth) และ GHB สามารถช่วยลดความเหนื่อยล้าและเพิ่มพลังงาน ทำให้ผู้ใช้มีเพศสัมพันธ์เป็นเวลาหลายชั่วโมง หรือแม้กระทั่งหลายวันโดยไม่พัก
การเสียดสีเป็นเวลานานอาจทำให้เกิด แผลถลอกหรือบาดแผล เพิ่มโอกาสที่เชื้อโรคจะแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายผ่านรอยแผล
ลดการยับยั้งชั่งใจ ทำให้ไม่ใช้ถุงยางอนามัย
Chemsex ส่งผลต่อการตัดสินใจและการยับยั้งชั่งใจ หลายคนที่เข้าร่วม Chemsex มักมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
แม้ว่าบางคนจะพกถุงยางอนามัยติดตัวมา แต่ภายใต้ฤทธิ์ของยา พวกเขาอาจลืมใช้หรือเลือกที่จะมีเซ็กส์แบบ "ดิบ" (Bareback sex)
การมีคู่นอนหลายคนในเวลาเดียวกัน
Chemsex มักเกี่ยวข้องกับปาร์ตี้เซ็กส์ ซึ่งผู้เข้าร่วมอาจมีคู่นอนหลายคนในคืนเดียวกัน
การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ โดยไม่มีการป้องกันที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรค
การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
ผู้ใช้บางคนอาจ ฉีดสารเสพติดเข้าสู่กระแสเลือด (Slamming)
การใช้เข็มร่วมกันเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในการแพร่เชื้อ HIV และไวรัสตับอักเสบบี/ซี
เสี่ยงต่อการใช้ยาเกินขนาด (Overdose) การใช้สารเสพติดในปริมาณที่มากเกินไปใน Chemsex อาจนำไปสู่ ภาวะ Overdose ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนี้
GHB และ GBL: การใช้ในปริมาณที่มากเกินไปสามารถทำให้หมดสติ หยุดหายใจ และเสียชีวิตได้
Methamphetamine (Crystal Meth): การใช้ปริมาณสูงเกินไปอาจทำให้เกิด ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง หรือหัวใจวายเฉียบพลัน
Ketamine: การใช้มากเกินไปสามารถทำให้เกิดภาวะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หมดสติ และภาวะกดการหายใจ
ปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า Chemsex ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิด ปัญหาทางสุขภาพจิตที่รุนแรง เช่น
ภาวะซึมเศร้า (Depression)
เมื่อฤทธิ์ยาหมดลง ผู้ใช้ Chemsex อาจเกิดภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือรู้สึกหมดหวัง
อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วสามารถนำไปสู่ ภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง หรือความคิดฆ่าตัวตาย
ภาวะวิตกกังวล (Anxiety Disorders)
การใช้ Methamphetamine หรือ Cocaine อาจทำให้เกิด อาการหวาดระแวง (Paranoia) หรือภาวะวิตกกังวลรุนแรง
บางคนอาจรู้สึกว่ามีคนกำลังติดตามพวกเขา หรือมีความคิดหลอน (Psychosis)
ภาวะเสพติดสารเสพติด (Addiction)
Chemsex สามารถทำให้ผู้ใช้พัฒนาพฤติกรรม เสพติดทางร่างกาย และจิตใจ
บางคนอาจไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้สารเสพติดได้อีกต่อไป
การถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยไม่รู้ตัว Chemsex เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เนื่องจาก ฤทธิ์ของสารเสพติดสามารถทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ดังนี้
GHB และ Ketamine มีฤทธิ์กดประสาท ทำให้บางคนหมดสติหรือไม่สามารถขัดขืนได้
บางคนอาจถูกวางยาโดยไม่รู้ตัว และถูกล่วงละเมิดทางเพศ
Chemsex มักเกิดขึ้นในปาร์ตี้ส่วนตัว ซึ่งอาจไม่มีบุคคลที่สามารถช่วยเหลือได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

ผลกระทบของ Chemsex ทั้งทางร่างกาย และทางจิตใจ
Chemsex ทำอย่างไรกับร่างกาย?
Chemsex เป็นกระบวนการที่มีผลกระทบโดยตรงต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งทางกายภาพและทางจิตใจ การใช้สารเสพติดเพื่อเพิ่มความสุขทางเพศอาจนำไปสู่ภาวะทางสุขภาพที่รุนแรงได้ หากใช้เป็นระยะเวลานานหรือในปริมาณที่มากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อ หัวใจ ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบขับถ่าย และระบบประสาท
ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น
สารกระตุ้นที่ใช้ใน Chemsex เช่น Methamphetamine (Crystal Meth) และ Cocaine ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานหนักขึ้น
หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ (Tachycardia) อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวาย
ความดันโลหิตสูง (Hypertension) ทำให้เกิดแรงดันในเส้นเลือดสูงขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจ
อาจทำให้หลอดเลือดในสมองหรือหัวใจแตกได้ (Aneurysm หรือ Stroke)
เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ และอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป
การใช้ Methamphetamine หรือ Cocaine สามารถเพิ่มอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น (Hyperthermia) ได้โดยเฉพาะเมื่อมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลานาน
อุณหภูมิร่างกายที่สูงเกินไปอาจทำให้ ระบบประสาทเสียหาย และทำลายเซลล์สมอง
การขาดน้ำ (Dehydration) อาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เวียนหัว และหมดสติ
เมื่อขาดน้ำอย่างรุนแรง ไตจะทำงานหนักขึ้น อาจนำไปสู่ ไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Failure)
มีผลกระทบต่อตับ และไตจากการใช้สารเสพติดอย่างต่อเนื่อง
สารเสพติดที่ใช้ใน Chemsex มักถูกขับออกทาง ตับ และไต การใช้สารเสพติดอย่างต่อเนื่องทำให้ทั้งสองอวัยวะนี้ต้องทำงานหนักขึ้น
อาจเกิดภาวะ ตับอักเสบ (Hepatitis) และภาวะตับวาย หากใช้เป็นระยะเวลานาน
ไตอาจไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้ ทำให้เกิดภาวะไตเสื่อม
GHB และ Ketamine มีผลต่อกระเพาะปัสสาวะ และไต อาจทำให้เกิด ภาวะปัสสาวะเป็นเลือด และปัญหาการขับปัสสาวะ
ผลกระทบทางจิตใจ จากการใช้สารเสพติดเพื่อมีเพศสัมพันธ์
นอกจากผลกระทบทางร่างกายแล้ว Chemsex ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อจิตใจ และอารมณ์ ของผู้ใช้ ทั้งในช่วงที่ยาออกฤทธิ์และหลังจากที่ยาเสื่อมลง ซึ่งอาจทำให้เกิด อารมณ์แปรปรวน ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และพฤติกรรมเสพติด
เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า และความวิตกกังวล
หลังจากที่ยาเสื่อมฤทธิ์ลง ผู้ใช้ Chemsex มักพบกับ ภาวะซึมเศร้า (Depression) และความวิตกกังวล (Anxiety)
สารกระตุ้น เช่น Crystal Meth และ Cocaine ทำให้เกิดภาวะ "Crash" หรือ อารมณ์ตกต่ำอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้รู้สึก หมดกำลังใจ เหนื่อยล้า หรือหดหู่
อาจเกิด ความรู้สึกผิด (Guilt) หรือความอับอาย (Shame) เนื่องจากการกระทำที่เกิดขึ้นระหว่างที่ใช้ยา
Chemsex อาจนำไปสู่ ภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง หากใช้เป็นระยะเวลานาน
ทำให้เกิดอาการหวาดระแวง และความผิดปกติทางอารมณ์
การใช้ Methamphetamine หรือ Cocaine เป็นเวลานานอาจทำให้เกิด ภาวะหวาดระแวง (Paranoia)
บางคนอาจรู้สึกว่า มีคนกำลังติดตามหรือคุกคามตนเอง แม้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง
Chemsex อาจกระตุ้นอาการ โรคจิตเภท (Schizophrenia) หรืออาการหลอน (Hallucination) ในบางคน
อาจมีพฤติกรรม ก้าวร้าว หรือควบคุมอารมณ์ไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้สารเสพติดติดต่อกันเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน
มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ และการดำเนินชีวิตประจำวัน
Chemsex อาจส่งผลให้ผู้ใช้ เสพติดพฤติกรรมทางเพศ ทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติโดยไม่มีสารเสพติด
บางคนอาจ ไม่สามารถแยกแยะระหว่างเซ็กส์กับการใช้สารเสพติดได้อีกต่อไป
Chemsex อาจทำให้ผู้ใช้ เสียความสัมพันธ์กับคู่รัก หรือสูญเสียความไว้วางใจจากครอบครัว
ส่งผลต่อหน้าที่การงาน บางคนอาจลางานบ่อย เนื่องจากอาการเมาค้างหรืออารมณ์แปรปรวน

แนวทางในการป้องกัน และลดความเสี่ยงของ Chemsex
การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และการหลีกเลี่ยงสารเสพติดเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันผลกระทบที่เป็นอันตรายจาก Chemsex ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และ HIV แต่ยังช่วยป้องกันผลกระทบทางร่างกาย และจิตใจที่อาจเกิดจากการใช้สารเสพติดในบริบทของกิจกรรมทางเพศ
ใช้ถุงยางอนามัย และสารหล่อลื่น เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ใช้ ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์ เพราะถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูง ในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) รวมถึง HIV, ซิฟิลิส, หนองใน และไวรัสตับอักเสบบี/ซี
เลือก สารหล่อลื่นที่เหมาะสม เพราะการใช้สารหล่อลื่นช่วยลดความเสี่ยงของ การฉีกขาดของผิวหนังหรือเยื่อบุช่องคลอดและทวารหนัก ซึ่งเป็นช่องทางที่เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ ด้วยการ
เปลี่ยนถุงยาง ทุกครั้งที่เปลี่ยนคู่นอน และไม่ใช้ถุงยางซ้ำ
เข้ารับการตรวจเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ
การตรวจหา HIV และ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้สามารถตรวจพบการติดเชื้อได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และป้องกันการแพร่กระจายของโรค เช่น ตรวจเป็นประจำ ทุก 3-6 เดือน โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสูง
Chemsex มักเกี่ยวข้องกับ พฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงสูง และ คู่นอนหลายคน ซึ่งเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ อย่ารอให้มีอาการ แล้วค่อยตรวจ เพราะโรคบางชนิดอาจไม่มีอาการชัดเจน หากตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ ควรเข้ารับ การรักษาทันที เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดที่ไม่รู้แหล่งที่มา
สารเสพติดที่ใช้ใน Chemsex มัก ไม่มีมาตรฐานความปลอดภัย และอาจถูกเจือปนด้วยสารอันตราย ฉะนั้นควรเลือกใช้สารเสพติด ควรใช้จากแหล่งที่ น่าเชื่อถือ และปลอดภัย
การใช้สารเสพติดที่ไม่รู้ที่มาทำให้เสี่ยงต่อ การใช้ยาเกินขนาด (Overdose) หรือภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพ
หลีกเลี่ยง การฉีดยาเข้าร่างกาย เพราะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV และไวรัสตับอักเสบบี/ซ
อย่าใช้สารเสพติดผสมกันหลายชนิด เพราะอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา และเป็นอันตรายต่อร่างกาย
หากใช้ยา ควรมีเพื่อนที่ไว้ใจได้อยู่ด้วยเพื่อความปลอดภัย
Chemsex มักเกี่ยวข้องกับ การใช้ยาเพียงลำพัง หรือในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งอาจทำให้เสี่ยงต่อการ เสียชีวิตจาก Overdose หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ ฉะนั้นหากต้องใช้ยา ควรใช้ใน ที่ที่มีคนที่ไว้ใจได้อยู่ด้วย อย่าอยู่คนเดียว ขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของยา
การมี เพื่อนที่ไว้ใจได้ อยู่ด้วยสามารถช่วยกันดูแล และลดความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และควรบอกให้เพื่อน หรือคู่นอนรู้ว่า กำลังใช้ยาอะไร และปริมาณเท่าไหร่
เข้ารับคำปรึกษา และความช่วยเหลือหากรู้สึกว่ามีปัญหาการใช้สารเสพติด การใช้สารเสพติดอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่ ภาวะติดยา (Drug Dependence) และส่งผลต่อสุขภาพจิต หากมีสัญญาณของการเสพติด เช่น ไม่สามารถหยุดใช้ยาได้ หรือรู้สึกต้องพึ่งพาสารเสพติดเพื่อมีเพศสัมพันธ์ ควรขอความช่วยเหลือ ด้วยการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตหรือนักบำบัด หากรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมการใช้ยาได้ หรือ เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน เช่น NA (Narcotics Anonymous) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ช่วยให้ผู้ติดยาได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่มีประสบการณ์คล้ายกัน และอย่ากลัวหรืออายที่จะขอความช่วยเหลือ การรักษา และฟื้นฟูสามารถช่วยให้คุณกลับมามีชีวิตที่มีคุณภาพได้
พิจารณาการใช้ PrEP สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวี PrEP เป็นยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ แต่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งการใช้ PrEP อย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อเอชไอวี ได้มากกว่า 90% แต่การใช้ PrEP ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ เช่น ซิฟิลิส หนองใน หรือ HPV ดังนั้นการใช้ถุงยางอนามัยควรใช้ควบคู่กัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Chemsex
Chemsex เป็นหัวข้อที่มีความซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับสุขภาพทางกาย และจิตใจ รวมถึงปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น บทความนี้จะตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Chemsex เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจถึงความเสี่ยง วิธีป้องกัน และแนวทางการรักษา
1.Chemsex อันตรายอย่างไร?
Chemsex มีความเสี่ยงที่ร้ายแรงทั้งต่อสุขภาพกาย และจิตใจ โดยอันตรายที่สำคัญ ได้แก่
เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เพราะ Chemsex มักเกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น การมีคู่นอนหลายคนและไม่ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ HIV, ซิฟิลิส, หนองใน, HPV, ไวรัสตับอักเสบบีและซี หรือการใช้ ยาเสพติดร่วมกันผ่านเข็มฉีดยา เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV และไวรัสตับอักเสบบี/ซี ผ่านการใช้เข็มฉีดยาที่ปนเปื้อน
เสี่ยงต่อการใช้ยาเกินขนาด (Overdose) สารเสพติดที่ใช้ใน Chemsex เช่น GHB/GBL, Methamphetamine และ Ketamine อาจทำให้เกิดภาวะ Overdose ได้ เพราะ GHB/GBL หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้หมดสติ และ อาจถึงขั้นเสียชีวิต หรือ การใช้ยา Methamphetamine อาจเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจจนเกิดภาวะ หัวใจวายเฉียบพลัน
ส่งผลต่อสุขภาพจิต ผู้ใช้ Chemsex มีแนวโน้มที่จะพัฒนา ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล PTSD และโรคจิตเภท เพราะเมื่อพึ่งพาสารเสพติดเพื่อให้มีความสุขทางเพศ อาจทำให้เกิด อาการติดยา และ สูญเสียความสามารถในการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ยา อาจเกิดภาวะ Psychosis (โรคจิต) ซึ่งส่งผลให้เห็นภาพหลอน หรือมีอาการหวาดระแวง
เสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ สารเสพติดบางชนิดเช่น GHB/GBL และ Ketamine ทำให้ผู้ใช้หมดสติหรือความสามารถในการตัดสินใจลดลง ซึ่งอาจทำให้ตกเป็นเหยื่อของการถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยไม่รู้ตัว
2.Chemsex สามารถป้องกันได้อย่างไร?
แม้ว่าการหลีกเลี่ยง Chemsex จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่หากคุณหรือคนรอบข้างยังมีส่วนร่วมกับพฤติกรรมนี้ มีหลายวิธีที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้
การป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ควรสวมถุงยางอนามัย ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และใช้PrEP เป็นยาที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
เข้ารับการตรวจ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ เพื่อให้สามารถรักษาได้เร็วหากพบการติดเชื้อ
ควรใช้สารเสพติดอย่างปลอดภัย (หากยังไม่สามารถหยุดได้) หลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินขนาด และหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดหลายชนิดร่วมกัน หรือไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น และควรใช้เข็มฉีดยาแบบใช้ครั้งเดียว และควรมีเพื่อนที่ไว้ใจได้อยู่ด้วย เพื่อช่วยเหลือในกรณีเกิดภาวะฉุกเฉิน และควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อลดภาวะขาดน้ำ
3.การใช้สารเสพติดที่เกี่ยวข้องกับ Chemsex สามารถรักษาได้อย่างไร?
Chemsex Addiction หรือ การติด Chemsex สามารถรักษาได้ผ่านหลายวิธี
การบำบัดทางจิต และพฤติกรรม เช่น CBT (Cognitive Behavioral Therapy) หรือ การบำบัดพฤติกรรม และความคิด เพื่อช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Chemsex หรือกลุ่มสนับสนุน (Support Groups) เช่น NA (Narcotics Anonymous) สำหรับผู้ที่ต้องการเลิกใช้ยา
การรักษาด้วยยา แพทย์อาจให้ยาเพื่อช่วยลดอาการอยากยา เช่น Methadone หรือ Buprenorphine สำหรับผู้ที่ติด Opioids หรือยาต้านซึมเศร้า อาจถูกใช้เพื่อช่วยรักษาอาการซึมเศร้าที่เกิดจากการใช้สารเสพติด
การเข้ารับการฟื้นฟู เช่น Rehabilitation Programs หรือโปรแกรมฟื้นฟูสำหรับผู้ที่ต้องการเลิก Chemsex อย่างถาวร
4.ใครที่ควรระวังการทำ Chemsex?
กลุ่มที่ควรระวังเป็นพิเศษ ได้แก่
ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) และ LGBTQ+
ผู้ที่มีประวัติติดสารเสพติดมาก่อน
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล PTSD
ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี
5.Chemsex และกฎหมายในไทย
Chemsex ในประเทศไทยมีความเกี่ยวข้องกับ กฎหมายยาเสพติด และ กฎหมายเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ ดังนี้
กฎหมายเกี่ยวกับสารเสพติด
การครอบครองสารเสพติดที่ใช้ใน Chemsex เช่น Methamphetamine, GHB, Ketamine เป็นสิ่งผิดกฎหมาย (พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522)
การจำหน่ายหรือผลิตยาเสพติดอาจมีโทษ จำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต
กฎหมายเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ
หากมีการใช้สารเสพติดเพื่อ ล่วงละเมิดทางเพศ อาจเข้าข่าย คดีข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276
การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่หมดสติจากการใช้สารเสพติด อาจเข้าข่าย ข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งมีโทษ จำคุกไม่ต่ำกว่า 4 ปี
6.ผลกระทบของ Chemsex ต่อการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี
สารเสพติดบางชนิดใน Chemsex อาจมี ปฏิกิริยาต่อกันกับยาต้านไวรัสเอชไอวี (ARV Drugs)
Methamphetamine และ GHB อาจลดประสิทธิภาพของยาต้านไวรัส และเพิ่มความเสี่ยงของ การล้มเหลวในการรักษา HIV
การลืมรับประทานยา ARV เพราะมัวแต่ใช้สารเสพติด อาจทำให้ ระดับไวรัสเพิ่มขึ้น และเกิดภาวะดื้อยา
Chemsex เป็นแนวปฏิบัติที่เพิ่มความเสี่ยงทางสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม การมีความรู้เกี่ยวกับ Chemsex และแนวทางป้องกันตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีพฤติกรรม Chemsex ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีลดความเสี่ยง และดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม
Comments