Viral Load กับ CD4 ต่างกันอย่างไร? ตรวจอะไร? สำคัญแค่ไหน?
- Siri Writer
- 2 days ago
- 2 min read
Updated: 4 minutes ago
ในกระบวนการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) การตรวจวัดระดับ Viral Load และ CD4 เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินผลของการรักษา และวางแผนการดูแลผู้ติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หลายคนอาจยังสับสนว่า Viral Load กับ CD4 คืออะไร ต่างกันอย่างไร และมีความสำคัญในแง่ไหนบ้าง เราจะช่วยให้คุณเข้าใจทั้งสองค่าทางการแพทย์นี้อย่างละเอียด

Viral Load คืออะไร?
Viral Load คือ ค่าที่ใช้วัดปริมาณของเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่มีอยู่ในกระแสเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยมีหน่วยวัดเป็น copies per milliliter (copies/mL) หรือจำนวนสำเนาของไวรัสต่อมิลลิลิตรของเลือด
การตรวจวัด Viral Load เป็นการประเมินว่าเชื้อไวรัสกำลังแพร่กระจายในร่างกายมากน้อยเพียงใด และเป็นหนึ่งในดัชนีหลักที่ใช้ติดตามความคืบหน้าของการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART)
ความสำคัญของการรู้ค่าความไวรัลโหลด
หากไม่ได้รับการรักษา ปริมาณไวรัสในเลือดจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหมายความว่าเชื้อ HIV กำลังแพร่กระจายและทำลายเซลล์ภูมิคุ้มกัน (CD4) อย่างต่อเนื่อง
หากรับการรักษาอย่างถูกต้อง การใช้ยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่องจะช่วยลด Viral Load จนถึงระดับที่ต่ำมาก หรือตรวจไม่พบ (Undetectable)
ระดับที่ตรวจไม่พบไม่ได้หมายความว่าเชื้อหายขาด แต่หมายถึงเชื้อต่ำจนเกินกว่าที่เครื่องมือจะตรวจเจอ และมีโอกาสน้อยมากที่จะถ่ายทอดเชื้อให้ผู้อื่น
ระดับของ Viral Load สื่อถึงอะไร?
ระดับไวรัลโหลด | ความหมาย | ความเสี่ยง |
สูง (เช่น >100,000 copies/mL) | เชื้อไวรัสกำลังเพิ่มจำนวนในร่างกาย | เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อสูง และภูมิคุ้มกันถูกทำลายรวดเร็ว |
ปานกลาง–ต่ำ (เช่น 1,000–10,000 copies/mL) | การรักษาเริ่มควบคุมเชื้อได้ | ต้องเฝ้าระวังและประเมินการรักษา |
ต่ำมากจนตรวจไม่พบ (Undetectable) | ปริมาณไวรัสต่ำมากจนเครื่องมือไม่สามารถตรวจจับได้ | ถือว่าการรักษาได้ผลดี ลดความเสี่ยงแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์เหลือศูนย์ (U=U) |
หลักการ U=U: Undetectable = Untransmittable
เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่า ผู้ที่มี Viral Load ต่ำจนตรวจไม่พบ จะ ไม่สามารถถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี ไปยังคู่นอนทางเพศสัมพันธ์ได้ ตราบใดที่ยังรับยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่องและตรงเวลา
ช่วยลดความเครียดและความกลัวในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น
เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งเสริมให้ผู้มีเชื้อเข้าถึงการรักษาเร็วขึ้น
ส่งผลให้สามารถมีความสัมพันธ์หรือวางแผนมีบุตรได้อย่างปลอดภัย
ควรตรวจ Viral Load บ่อยแค่ไหน?
โดยทั่วไปควรตรวจทุก 3–6 เดือน
แพทย์อาจนัดถี่กว่านี้ในช่วงเริ่มต้นการรักษาหรือเมื่อสงสัยการดื้อยา

CD4 คืออะไร?
CD4 คือ เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งในกลุ่มลิมโฟไซต์ (T-helper cells) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเซลล์ CD4 จะทำหน้าที่ กระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และสื่อสารกับเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดอื่น ๆ เพื่อป้องกันเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
ความเกี่ยวข้องของ CD4 กับเชื้อเอชไอวี
ไวรัสเอชไอวี จะเข้าไปจับและทำลายเซลล์ CD4 โดยตรง ทำให้จำนวนเซลล์ CD4 ลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ร่างกายจะไม่สามารถต้านทานโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ผู้ติดเชื้อ เสี่ยงต่อโรคฉวยโอกาส เช่น
ปอดบวมจากเชื้อ Pneumocystis jirovecii
วัณโรค (TB)
เชื้อราในสมองหรือช่องปาก
มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) หรือมะเร็งปากมดลูก
ค่าระดับ CD4 บอกอะไร?
การวัดระดับ CD4 จะวัดจากเลือด โดยแสดงผลในหน่วย เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตรของเลือด (cells/mm³) ค่าที่ได้จะใช้ประเมินสถานะของระบบภูมิคุ้มกัน ดังนี้:
ระดับ CD4 | ความหมาย | แนวทางการดูแล |
มากกว่า 500 cells/mm³ | ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง | ติดตามตามปกติ รับยาต้านไวรัส ART อย่างต่อเนื่อง |
200–499 cells/mm³ | ภูมิคุ้มกันเริ่มลดลง | เริ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสบางชนิด ควรดูแลสุขภาพอย่างเข้มงวด |
ต่ำกว่า 200 cells/mm³ | เสี่ยงสูง | เสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสรุนแรง เช่น วัณโรค เชื้อราขึ้นสมอง ต้องได้รับการดูแลใกล้ชิด |
หมายเหตุ หากค่าต่ำกว่า 200 จะถือว่าเข้าสู่ระยะ “ภูมิคุ้มกันบกพร่องขั้นรุนแรง” ซึ่งใกล้เคียงกับภาวะเอดส์ (AIDS) ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO)
CD4 และการรักษาเอชไอวี
แม้ว่าการรักษาด้วย ยาต้านไวรัส (ART) จะไม่สามารถทำให้ CD4 กลับมาสู่ระดับปกติได้ทันที แต่การรับยาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้
ปริมาณไวรัสในเลือด (Viral Load) ลดลง → ลดการทำลาย CD4
ระบบภูมิคุ้มกันมีโอกาสฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
ลดโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ควรตรวจ CD4 บ่อยแค่ไหน?
ตรวจทุก 3–6 เดือน ในช่วงแรกของการรักษา
เมื่อตรวจพบว่า Viral Load ควบคุมได้ดีและ CD4 มีค่าคงที่ แพทย์อาจลดความถี่เหลือปีละครั้ง

ความแตกต่างระหว่าง Viral Load กับ CD4
การตรวจ Viral Load และ CD4 เป็นการตรวจที่ใช้ควบคู่กันในการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยแต่ละการตรวจมีวัตถุประสงค์ และความสำคัญที่แตกต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้ผู้ติดเชื้อสามารถติดตามสุขภาพ และการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หัวข้อ | Viral Load | CD4 |
ความหมาย | จำนวนเชื้อเอชไอวีในเลือด | จำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 ที่เป็นดัชนีวัดภูมิคุ้มกัน |
หน่วยวัด | copies/mL (จำนวนสำเนาของไวรัสต่อมิลลิลิตรเลือด) | cells/mm³ (จำนวนเซลล์ CD4 ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตรเลือด) |
บอกถึง | ประสิทธิภาพของไวรัสในการเพิ่มจำนวนในร่างกาย | ความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย |
เป้าหมายของการรักษา | ลด Viral Load ให้ต่ำจนถึงระดับตรวจไม่พบ (Undetectable) | เพิ่ม CD4 ให้กลับมาในระดับปกติ หรือสูงขึ้นเรื่อย ๆ |
ช่วงค่าที่ต้องติดตาม | - ตรวจไม่พบ: <50 copies/mL (เป้าหมาย) - สูง: >100,000 copies/mL (เสี่ยงแพร่เชื้อ) | - ปกติ: >500 cells/mm³ - เสี่ยง: 200–499 cells/mm³ - ต่ำมาก: <200 cells/mm³ (เสี่ยงโรคฉวยโอกาส) |
ใช้บอก | ว่าการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) ได้ผลแค่ไหน | ว่าภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อแข็งแรงพอหรือยัง |
ความถี่ในการตรวจ | ทุก 3–6 เดือน หลังเริ่มยา ART หรือเมื่อมีการเปลี่ยนสูตรยา | ทุก 6–12 เดือน หากไม่มีปัญหาเพิ่มเติม |
ทำไมต้องตรวจทั้ง Viral Load และ CD4 ควบคู่กัน?
แม้ว่าการตรวจ Viral Load และ CD4 จะดูเหมือนเป็นการตรวจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ในความเป็นจริง ทั้งสองการตรวจนี้ทำหน้าที่ เสริมกัน และเป็นคู่เครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินสุขภาพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี ได้อย่างครบถ้วน และแม่นยำ
Viral Load บอกอะไร?
บอกว่าการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) สามารถควบคุมเชื้อได้ดีหรือไม่
หากมีค่า ต่ำหรือไม่ตรวจพบ (Undetectable) แปลว่ายาทำงานได้ดี และมีโอกาสน้อยมากที่จะถ่ายทอดเชื้อไปยังผู้อื่น
หากมีค่าสูง แปลว่าไวรัสยังเพิ่มจำนวน → อาจต้อง ปรับยา หรือเพิ่มการติดตาม
CD4 บอกอะไร?
บอกว่าระบบภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อยัง แข็งแรงเพียงพอ หรือไม่
หาก CD4 ต่ำ → เสี่ยงติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น ปอดอักเสบ วัณโรค หรือมะเร็งบางชนิด
หาก CD4 สูง → ร่างกายสามารถป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ดี
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ต้องใช้การตรวจทั้งสองค่า
สถานการณ์ | ความหมาย | สิ่งที่ควรทำ |
Viral Load ไม่พบ แต่ CD4 ต่ำ | ยาควบคุมไวรัสได้ แต่ภูมิคุ้มกันยังไม่ฟื้น | ติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด, เน้นโภชนาการ/สุขภาพจิต |
CD4 สูง แต่ Viral Load สูง | ภูมิคุ้มกันยังดี แต่เชื้อยังเพิ่มจำนวน | อาจเกิดการดื้อยา → แพทย์จะต้องพิจารณาเปลี่ยนสูตรยา |
ทั้งสองค่าสูง | ระบบยังไม่ตอบสนองต่อการรักษา | อาจเพิ่งเริ่มยา, ต้องติดตามใกล้ชิด |
ทั้งสองค่าดี | ยาได้ผล และร่างกายฟื้นตัว | ติดตามตามนัด ปรับตามแพทย์แนะนำ |
การตรวจ ควบคู่กัน จะช่วยให้แพทย์ วางแผนการรักษาที่เหมาะสม เฝ้าระวังการดื้อยา ประเมินความเสี่ยงโรคแทรกซ้อน ตัดสินใจว่าควรเปลี่ยนยา หรือปรับแนวทางหรือไม่
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อให้การรักษาเอชไอวี มีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้
เริ่มยาต้านไวรัส ART ทันที หลังรู้ผลว่าติดเชื้อ ไม่ต้องรอให้ CD4 ต่ำ
รับประทานยาให้ตรงเวลา และไม่ลืม ไม่หยุดเองโดยเด็ดขาด
พบแพทย์เป็นประจำ ทุก 3–6 เดือน เพื่อติดตามผล Viral Load, CD4 และตรวจเลือดทั่วไป
ใช้ชีวิตได้ตามปกติ หากรักษาอย่างต่อเนื่อง เชื้อถูกควบคุม และร่างกายแข็งแรง
ปรึกษาเมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น น้ำหนักลด เหนื่อยง่าย หรือมีผื่นแปลก ๆ
Viral Load และ CD4 คือ เครื่องมือสำคัญในการดูแลรักษาเอชไอวี ทั้งสองค่ามีบทบาทแตกต่างกัน แต่สำคัญเท่าเทียม การเข้าใจ และตรวจติดตามเป็นประจำ คือ กุญแจสู่ชีวิตที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และยั่งยืนสำหรับผู้มีเชื้อเอชไอวี เพราะ ผลตรวจ Viral Load และ CD4 ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลข แต่เป็นสัญญาณเตือนและเข็มทิศ ในการรักษา หากแปลผลอย่างถูกต้อง และทำตามคำแนะนำของแพทย์ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ก็สามารถมีสุขภาพแข็งแรง และคุณภาพชีวิตใกล้เคียงกับคนทั่วไปได้ครับ
เอกสารอ้างอิง
Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Understanding HIV Viral Load. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.cdc.gov/hiv/basics/livingwithhiv/viral-load.html
World Health Organization (WHO). HIV Treatment and Care: What’s New in Treatment. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/hiv-aids
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการเฝ้าระวังและประเมินผลการควบคุมเอดส์แห่งชาติ (NAP). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://hivhub.ddc.moph.go.th
สถาบันบำราศนราดูร. คู่มือการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี: แนวทางการใช้ยาต้านไวรัส. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.bamras.org
UNAIDS. Global HIV & AIDS statistics — Fact sheet. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.unaids.org/en/resources/fact-sheet
Comments