top of page

หยุดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ด้วยวัคซีนที่ทุกเพศควรรู้

Updated: 8 minutes ago

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ยังคงเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในทุกช่วงวัย ทุกเพศ ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง หรือเพศหลากหลาย และถึงแม้วิธีป้องกันอย่างการใช้ถุงยางอนามัยจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ วัคซีน คืออีกหนึ่งอาวุธสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรได้รับการพูดถึงมากขึ้นในปัจจุบัน ฉะนั้นการรู้จักกับ วัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่จำเป็นสำหรับทุกเพศ พร้อมคำแนะนำในการรับวัคซีนเพื่อการป้องกันที่รอบด้าน

ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยวัคซีนที่คุณควรรู้ | ครอบคลุมทุกเพศ ทุกวัย
หยุดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ด้วยวัคซีนที่ทุกเพศควรรู้

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คืออะไร?

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections - STI) คือ กลุ่มโรคที่สามารถติดต่อกันได้จากการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือช่องปาก รวมไปถึงการสัมผัสของเหลวในร่างกาย เช่น น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด หรือเลือด โรคเหล่านี้ยังสามารถติดต่อได้จากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การสัก การเจาะร่างกายด้วยอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด หรือในบางกรณี อาจถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกระหว่างการตั้งครรภ์หรือคลอดบุตรได้ด้วย


ลักษณะเฉพาะของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากโรคติดต่อทั่วไป คือ บางโรคอาจไม่แสดงอาการในระยะแรก หรือไม่มีอาการเลย ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อไม่รู้ตัวว่าเป็นพาหะในการแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้โรคเหล่านี้ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง


วิธีการแพร่เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย (ช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก)

  • การใช้ของมีคม หรือเข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น

  • การถ่ายเลือดที่ไม่ได้ผ่านการตรวจคัดกรองเชื้อ

  • การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในครรภ์หรือระหว่างการคลอด


ตัวอย่างโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อย

  • HPV (Human Papillomavirus): เชื้อไวรัสที่สามารถก่อให้เกิดหูดหงอนไก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งในช่องปากได้

  • ไวรัสตับอักเสบบี (HBV): แพร่เชื้อผ่านเลือด น้ำอสุจิ และของเหลวในร่างกาย อาจก่อให้เกิดโรคตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง หรือมะเร็งตับ

  • ไวรัสตับอักเสบซี (HCV): ติดต่อผ่านเลือดและเข็มฉีดยา ส่วนมากไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาต้านไวรัส

  • ซิฟิลิส (Syphilis): เกิดจากแบคทีเรีย แพร่เชื้อผ่านเพศสัมพันธ์ หากไม่ได้รับการรักษา อาจลุกลามเข้าสู่ระบบประสาทและหัวใจได้

  • หนองในแท้ (Gonorrhea): โรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการตกขาว ปัสสาวะแสบขัด และอาจนำไปสู่ภาวะมีบุตรยากได้หากไม่รักษา

  • หนองในเทียม (Chlamydia): อีกหนึ่งโรคที่ติดจากแบคทีเรีย มักไม่แสดงอาการ แต่สามารถทำลายระบบสืบพันธุ์หากปล่อยไว้นาน

  • เอชไอวี (HIV): ไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ติดเชื้อและเจ็บป่วยง่าย หากไม่รักษาอาจพัฒนาเป็นโรคเอดส์ (AIDS) ได้


ความร้ายแรงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

แม้ว่าบางโรคจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น หนองใน หรือซิฟิลิสในระยะแรก แต่หลายโรค เช่น HIV, HPV และไวรัสตับอักเสบบี เป็นโรคที่ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดในปัจจุบัน จำเป็นต้องควบคุมโรคด้วยการรักษาอย่างต่อเนื่อง หมั่นตรวจสุขภาพ และรับวัคซีนป้องกันหากมีให้บริการ


วัคซีนกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

หนึ่งในวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูง และมักถูกมองข้าม คือ วัคซีน เพราะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันก่อนที่ร่างกายจะสัมผัสเชื้อได้จริง โดยเฉพาะวัคซีน HPV และวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ที่ได้รับการแนะนำอย่างกว้างขวางให้ใช้กับประชาชนทั่วไป ไม่เฉพาะแต่ผู้หญิงเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ชายและเพศหลากหลายด้วย

ภาพแสดงรายการวัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น วัคซีน HPV, วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี และวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ พร้อมกลุ่มเป้าหมายที่ควรฉีด
วัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีอะไรบ้าง?

วัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีอะไรบ้าง?

การฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่บางโรคไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด หรือไม่มีอาการในระยะแรกเริ่ม วัคซีนจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายก่อนที่จะได้รับเชื้อจริง ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ และลดโอกาสการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น


วัคซีน HPV (Human Papillomavirus)

  • ป้องกัน: มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก มะเร็งช่องปาก หูดหงอนไก่ และมะเร็งอวัยวะเพศ

    • HPV เป็นเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยที่สุดในกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน เชื้อ HPV บางสายพันธุ์ (เช่น สายพันธุ์ 16 และ 18) เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก ขณะที่สายพันธุ์อื่นๆ เช่น 6 และ 11 ทำให้เกิดหูดหงอนไก่

  • ใครควรฉีด:

    • ผู้หญิงและผู้ชาย อายุ 9–26 ปี (สามารถฉีดได้ถึงอายุ 45 ปี)

    • ผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ หรือมีเพศสัมพันธ์แล้วแต่ต้องการลดความเสี่ยง

    • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ชายรักชาย (MSM), ผู้ให้บริการทางเพศ, หรือผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ

  • ข้อแนะนำ: ควรฉีดวัคซีนก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์ เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันก่อนสัมผัสเชื้อจริง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้สูงสุด


วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Vaccine)

  • ป้องกัน: โรคตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับ

    • ไวรัสตับอักเสบบีสามารถติดต่อผ่านทางเลือด น้ำอสุจิ และของเหลวในร่างกาย การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันกับผู้ที่ติดเชื้อ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ โดยเฉพาะหากมีแผลหรือรอยถลอกในบริเวณที่มีการสัมผัสกัน

  • ใครควรฉีด:

    • ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์

    • ผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนในวัยเด็ก หรือไม่แน่ใจว่าตนเคยได้รับหรือไม่

    • บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ดูแลผู้ป่วย และผู้ที่สัมผัสเลือดบ่อย

  • ข้อแนะนำ: ควรตรวจเลือดก่อนฉีดวัคซีน หากเคยได้รับเชื้อแล้วจะไม่ต้องฉีดซ้ำ และควรได้รับวัคซีนครบ 3 เข็มตามกำหนด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันอย่างเต็มที่


วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A Vaccine)

  • ป้องกัน: โรคตับอักเสบเฉียบพลันที่แพร่ผ่านอาหาร น้ำดื่ม และเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก

    • ไวรัสตับอักเสบเอ แม้จะไม่ทำให้เกิดโรคเรื้อรังเหมือนไวรัสตับอักเสบบี แต่สามารถทำให้ผู้ติดเชื้อป่วยหนัก และต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว การติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้จากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน หรือจากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักที่ไม่ได้ป้องกัน

  • ใครควรฉีด:

    • ชายรักชาย (MSM)

    • ผู้มีคู่นอนหลายคน หรือมีพฤติกรรมทางเพศเสี่ยง

    • ผู้เดินทางไปพื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัสตับอักเสบเอ

    • ผู้ที่มีโรคตับเรื้อรัง หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง

  • ข้อแนะนำ: วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอมักฉีดร่วมกับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีในบางโปรแกรมสุขภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทั้งสองโรคในเวลาเดียวกัน เพิ่มความสะดวกและคุ้มค่าในการป้องกัน


วัคซีนทั้ง 3 ชนิดนี้ถือเป็นเกราะป้องกันสำคัญในการลดโอกาสการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยรุนแรง แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตและการมีความสัมพันธ์ที่ปลอดภัยมากขึ้นด้วย


ทำไมวัคซีนจึงสำคัญกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์?

แม้ว่าการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยด้วยการใช้ถุงยางอนามัยและการตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง แต่ "วัคซีน" คือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด โดยเฉพาะโรคที่ยังไม่มียารักษาให้หายขาด หรือโรคที่สามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในระยะยาวได้

  • ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ซึ่งอาจแพร่สู่ผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายชนิด เช่น HPV หรือหนองในเทียม อาจไม่แสดงอาการใดๆ ในช่วงแรกของการติดเชื้อ หรือในบางรายอาจไม่มีอาการเลยตลอดช่วงที่เป็นพาหะ ทำให้ผู้ติดเชื้อไม่รู้ตัว และมีแนวโน้มที่จะแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ง่ายโดยไม่ตั้งใจ การฉีดวัคซีนสามารถช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อชนิดเหล่านี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหมายถึงลดโอกาสในการเป็นพาหะของโรคโดยไม่รู้ตัว

  • ลดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว เช่น มะเร็งตับ หรือมะเร็งปากมดลูก บางโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้ทำให้เกิดอาการเฉียบพลันในทันที แต่สามารถพัฒนาไปเป็นโรคเรื้อรังหรือมะเร็งในระยะยาว เช่น HPV ที่สามารถนำไปสู่มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก หรือไวรัสตับอักเสบบีที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดตับแข็งและมะเร็งตับ การป้องกันด้วยวัคซีนตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยลดโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ และลดภาระทางสุขภาพในระยะยาว

  • ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) หากคนในสังคมได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง ภูมิคุ้มกันหมู่หมายถึงภาวะที่ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคใดโรคหนึ่ง ทำให้การแพร่ระบาดของโรคนั้นในชุมชนลดลงหรือหยุดชะงัก ซึ่งจะช่วยปกป้องผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีนได้ เช่น ผู้ที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง เมื่อผู้คนจำนวนมากได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ความสามารถของเชื้อในการแพร่กระจายจะลดลง ส่งผลให้โรคเหล่านี้ลดความรุนแรงและจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับประชากร

  • เหมาะกับทุกเพศ ไม่จำกัดเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ในอดีต วัคซีนบางชนิด เช่น HPV มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นวัคซีนเฉพาะสำหรับผู้หญิงเท่านั้น โดยเฉพาะในบริบทของการป้องกันมะเร็งปากมดลูก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีงานวิจัยมากมายที่ชี้ชัดว่า HPV ยังเกี่ยวข้องกับมะเร็งในเพศชาย เช่น มะเร็งอวัยวะเพศ มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งในช่องปากเช่นกัน นอกจากนี้ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ประเภทอื่นๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบบีและเอ ก็สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย การส่งเสริมให้ทุกเพศได้รับวัคซีนอย่างเท่าเทียมจึงเป็นเรื่องสำคัญ


ใครบ้างควรพิจารณาฉีดวัคซีนเหล่านี้?

แม้ว่าการฉีดวัคซีนควรได้รับตั้งแต่วัยเด็กหรือก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด แต่ยังมีหลายกลุ่มที่ยังสามารถได้รับประโยชน์จากวัคซีนได้ แม้จะเคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว วัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถฉีดได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ ต่อไปนี้คือกลุ่มที่ควรพิจารณารับวัคซีน:

  • ผู้ที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์แล้ว หรือมีคู่นอนหลายคน แม้จะมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว วัคซีนอย่าง HPV และไวรัสตับอักเสบยังสามารถให้ประโยชน์ได้ เพราะผู้ที่มีคู่นอนหลายคนย่อมมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อหลากหลายชนิด การฉีดวัคซีนจะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยได้รับมาก่อน

  • ชายรักชาย หรือผู้ที่มีคู่นอนเป็นเพศเดียวกัน กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) มีความเสี่ยงสูงต่อโรคบางชนิด เช่น HPV, ไวรัสตับอักเสบเอและบี โดยเฉพาะโรคที่แพร่ผ่านทางทวารหนักหรือเลือด การได้รับวัคซีนสามารถช่วยป้องกันมะเร็งทวารหนัก หูดหงอนไก่ และโรคตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับวัคซีน HPV ผู้หญิงที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน HPV ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ เพราะ HPV เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก รวมถึงหูดหงอนไก่และมะเร็งอวัยวะเพศอื่น ๆ การฉีดวัคซีนแม้จะเลยช่วงอายุแนะนำ (9–26 ปี) ยังสามารถให้ผลป้องกันในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ยังไม่มีการติดเชื้อ HPV หลายสายพันธุ์

  • ผู้ที่ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยง เช่น อาชีพบริการ ผู้ที่ทำงานในอาชีพที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น หรือมีความเสี่ยงในการติดเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์ เช่น พนักงานบริการ ผู้ทำงานในสถานบันเทิง หรือผู้ดูแลสุขภาพ ควรได้รับวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน

  • คู่รักที่วางแผนจะใช้ชีวิตร่วมกัน การเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มต้นชีวิตคู่ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการเงินหรือแผนชีวิต แต่รวมถึงสุขภาพทางเพศที่มั่นคง หากคู่รักทั้งสองได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อระหว่างกัน และสร้างความมั่นใจให้กับชีวิตคู่ในระยะยาว

ภาพแสดงสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรงพยาบาลรัฐ คลินิกเวชกรรม คลินิกสุขภาพทางเพศ และโครงการสาธารณสุขต่าง ๆ
สถานที่บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

สถานที่บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เมื่อคุณตัดสินใจว่าต้องการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ขั้นตอนต่อไป คือ การหาสถานที่ที่ให้บริการวัคซีนเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันมีหลายช่องทางที่คุณสามารถเข้าถึงบริการฉีดวัคซีนได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และมีมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน

  • สถานพยาบาลของรัฐ และคลินิกเวชกรรมทั่วประเทศ โรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลชุมชน หรือสถานีอนามัยทั่วประเทศส่วนใหญ่มีบริการฉีดวัคซีนพื้นฐาน เช่น วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี รวมถึงสามารถให้คำปรึกษาและส่งต่อการฉีดวัคซีน HPV หรือวัคซีนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ในราคาที่เข้าถึงได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) หรือสิทธิประกันสังคม

  • คลินิกเฉพาะทางด้านสุขภาพทางเพศ คลินิกเอกชนหรือคลินิกเฉพาะทางที่ให้บริการด้านสุขภาพทางเพศ เช่น คลินิกเวชกรรมด้านนรีเวช ยูโรวิทยา หรือคลินิกที่ให้บริการ PrEP/PEP มักมีวัคซีน HPV, HBV และ HAV ให้บริการ พร้อมคำปรึกษาแบบเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว ความสะดวก หรือการดูแลเฉพาะบุคคล

  • หน่วยงานสาธารณสุข และองค์กรไม่แสวงหากำไร องค์กรภาคประชาสังคม หน่วยงานของรัฐ และ NGO บางแห่ง เช่น ศูนย์สุขภาพชุมชน หรือคลินิกเฉพาะกิจในพื้นที่เมืองใหญ่ มักมีบริการฉีดวัคซีนที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงบริการตรวจเลือด ตรวจโรคทางเพศ และให้คำปรึกษาฟรีหรือในราคาต่ำ ตัวอย่างเช่น คลินิกของ Love2Test.org หรือมูลนิธิที่ทำงานด้าน HIV และสุขภาพทางเพศ

  • ในบางกรณีสามารถรับวัคซีนฟรีหรือราคาพิเศษ ผ่านโครงการของรัฐ โครงการสาธารณสุขบางโครงการ เช่น โครงการของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยงานในพื้นที่อาจมีการแจกวัคซีนฟรีหรือในราคาพิเศษสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ชายรักชาย ผู้มีคู่นอนหลายคน หรือกลุ่มเยาวชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการรณรงค์วัคซีน HPV หรือ HBV ซึ่งสามารถติดตามได้ผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐ หรือแพลตฟอร์มสุขภาพอย่าง Love2Test.org


ค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีน

ค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะแตกต่างกันไปตามประเภทของวัคซีนและสถานที่ให้บริการ โดยประมาณค่าใช้จ่ายของวัคซีนที่พบบ่อยมีดังนี้:

  • วัคซีน HPV (Human Papillomavirus): ราคาประมาณ 2,500 – 3,500 บาทต่อเข็ม โดยต้องฉีดทั้งหมด 2–3 เข็ม ขึ้นอยู่กับอายุและประวัติสุขภาพ

  • วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (HBV): ราคาประมาณ 300 – 700 บาทต่อเข็ม โดยต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม

  • วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ (HAV): ราคาประมาณ 800 – 1,500 บาทต่อเข็ม โดยฉีดทั้งหมด 2 เข็มห่างกัน 6 เดือน

ในบางแห่งอาจมีแพ็กเกจวัคซีนราคาพิเศษ หรือส่วนลดหากฉีดครบชุดในครั้งเดียว โดยเฉพาะที่คลินิกเวชกรรมเอกชน หรือคลินิกสุขภาพทางเพศเฉพาะทาง


วัคซีนฟรีหรือราคาถูก

  • โรงพยาบาลของรัฐบางแห่งมีวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีให้บริการฟรีในโครงการวัคซีนพื้นฐาน

  • องค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น Love2Test.org อาจมีโครงการวัคซีนฟรี หรือราคาพิเศษสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น กลุ่มชายรักชาย เยาวชน หรือผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ

  • หน่วยบริการสุขภาพในบางพื้นที่มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ฉีดวัคซีนฟรีเป็นช่วง ๆ โดยสามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐ หรือเพจขององค์กรสุขภาพทางเพศในพื้นที่

การตรวจสอบสิทธิ์วัคซีนฟรีล่วงหน้า หรือติดตามข่าวสารจากหน่วยงานสาธารณสุขจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่าย และวางแผนสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ (เนื้อหาเดิม)


วัคซีนคือเกราะป้องกันล้ำค่าสำหรับทุกเพศทุกวัย ในยุคที่พฤติกรรมทางเพศหลากหลายและเปิดกว้างมากขึ้น การเข้าถึงความรู้เรื่องวัคซีนป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จึงไม่ควรถูกมองข้าม ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ การสร้างภูมิคุ้มกันไว้ก่อนเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพในระยะยาวที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

ป้องกันไว้ก่อนด้วยวัคซีน ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และหากสงสัยว่ามีความเสี่ยง อย่ารอช้า! ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ทันที เพราะการดูแลตัวเองในวันนี้ คือการปกป้องสุขภาพในวันข้างหน้าอย่างแท้จริง


เอกสารอ้างอิง

Kommentarer


12 Terry Francine St.

San Francisco, CA 94158

Opening Hours

Mon - Fri

8:00 am – 8:00 pm

Saturday

9:00 am – 7:00 pm

​Sunday

9:00 am – 9:00 pm

bottom of page