top of page

เข้าใจภาวะ Anxiety ในผู้มีเชื้อเอชไอวี และวิธีดูแลตนเอง

Updated: 8 minutes ago

การติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในปัจจุบันแม้จะสามารถควบคุมได้ด้วยยาต้านไวรัสอย่างมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งที่หลายคนอาจมองข้าม คือ ผลกระทบทางจิตใจ ที่ผู้มีเชื้อจำนวนมากต้องเผชิญ หนึ่งในปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้บ่อย คือ ภาวะวิตกกังวล หรือ Anxiety ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงแรกที่รู้ว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวี ไปจนถึงระหว่างการรักษา และใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งต้องเผชิญกับแรงกดดันทางสังคมซ้ำซ้อน ภาวะวิตกกังวลอาจทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

เข้าใจภาวะ Anxiety ในผู้มีเชื้อ HIV และวิธีดูแลตนเอง
เข้าใจภาวะ Anxiety ในผู้มีเชื้อ HIV และวิธีดูแลตนเอง

ความวิตกกังวล (Anxiety) คืออะไร?

ความวิตกกังวล (Anxiety) คือ ภาวะทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์ เป็นกลไกที่ร่างกายใช้ในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง อันตราย หรือความไม่แน่นอน เช่น ความกลัวก่อนการสอบ การสัมภาษณ์งาน หรือการเผชิญหน้ากับเรื่องราวใหม่ ๆ ที่ยังไม่รู้ผลลัพธ์ ซึ่งในระดับหนึ่ง ความวิตกกังวล ถือเป็นเรื่องปกติ และอาจเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต เพราะช่วยให้เราระวังตัว วางแผนล่วงหน้า หรือเตรียมรับมือกับปัญหาได้ดีขึ้น


ความแตกต่างระหว่าง ความวิตกกังวลปกติ กับ ภาวะ Anxiety Disorder

แม้ความวิตกกังวลจะเกิดขึ้นกับทุกคน แต่ในบางกรณี ความรู้สึกนี้อาจ รุนแรงมากกว่าปกติ เกิดขึ้นบ่อย โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน และ รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน จนกลายเป็น ภาวะผิดปกติที่เรียกว่า Anxiety Disorder หรือ โรควิตกกังวล

เมื่อเข้าสู่ระดับนี้ ความวิตกกังวลจะไม่ใช่เพียงแค่ ความกลัวในความคิด อีกต่อไป แต่จะแสดงอาการทั้งทางจิตใจ และร่างกาย เช่น ใจสั่น เหงื่อออกมาก นอนไม่หลับ หายใจเร็ว กล้ามเนื้อตึง หรือรู้สึกเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้น แม้ไม่ได้เผชิญกับเหตุการณ์ที่น่ากังวลจริง ๆ หรือหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้วนาน


ความวิตกกังวล (Anxiety) มีกี่ประเภท?

ภาวะวิตกกังวล มีหลายรูปแบบ โดยทั่วไปสามารถจำแนกได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้

  • Generalized Anxiety Disorder (GAD) วิตกกังวลเรื้อรังเกี่ยวกับหลายเรื่องในชีวิตประจำวัน เช่น การงาน สุขภาพ หรือครอบครัว

  • Social Anxiety Disorder ความกลัวการเข้าสังคม หรือการถูกตัดสิน เช่น กลัวการพูดในที่สาธารณะ กลัวถูกมอง หรือกลัวทำผิดพลาด

  • Panic Disorder มีอาการตื่นตระหนกเฉียบพลัน (Panic Attack) เช่น ใจสั่น เหงื่อออก หายใจไม่ทัน หรือรู้สึกเหมือนจะตาย

  • Phobia ความกลัวแบบเฉพาะเจาะจง เช่น กลัวความสูง กลัวแมลง กลัวการขึ้นลิฟต์ เป็นต้น

  • Health Anxiety (Hypochondriasis) กลัวว่าตนเองจะป่วย แม้ตรวจแล้วไม่พบโรคใด ๆ


อาการของภาวะวิตกกังวลที่พบบ่อย

ภาวะวิตกกังวล อาจแสดงออกได้ในหลายรูปแบบ โดยอาการที่พบได้บ่อยมีทั้งทางจิตใจ และทางกาย เช่น

  • ความรู้สึกทางอารมณ์

    • รู้สึกกังวลมากเกินเหตุ แม้กับเรื่องเล็กน้อย

    • คิดมาก หยุดคิดไม่ได้ หรือวนเวียนอยู่กับความกลัว

    • รู้สึกเหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีอยู่ตลอดเวลา

    • กลัวการเข้าสังคม หรือรู้สึกไม่ปลอดภัยแม้อยู่ในสถานการณ์ปกติ

  • อาการทางร่างกาย

    • ใจสั่น เหงื่อออกมาก

    • หายใจเร็ว หรือหายใจไม่สุด

    • แน่นหน้าอก มือสั่น หรือเวียนหัว

    • ปวดหัว คลื่นไส้ หรือท้องไส้ปั่นป่วน

    • นอนไม่หลับ หรือนอนหลับแต่ไม่รู้สึกพักผ่อน

  • อาการทางพฤติกรรม

    • หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เคยทำเป็นปกติ

    • ไม่กล้าออกจากบ้าน หรือพบปะผู้คน

    • พยายามควบคุมทุกอย่างรอบตัวจนเสียสมดุลชีวิต


ภาวะวิตกกังวล กับเอชไอวี มีความเชื่อมโยงที่ไม่ควรมองข้าม

ในกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยเฉพาะ LGBTQ+ ภาวะวิตกกังวล พบได้บ่อยมาก เนื่องจากผู้ป่วยต้องเผชิญกับหลายแรงกดดัน ทั้งทางกายภาพ สังคม อารมณ์ และอนาคต ทำให้ความวิตกกังวลกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง เช่น

  • ความกลัวว่าผู้อื่นจะรู้สถานะ

  • ความกังวลว่าจะถูกปฏิเสธจากคู่รัก

  • ความไม่มั่นใจต่อสุขภาพของตัวเองในอนาคต

  • ความรู้สึกผิด หรือโทษตัวเอง

ภาวะเหล่านี้หากไม่ได้รับการดูแล อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า หรือส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และการเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ภาพประกอบผู้ติดเชื้อเอชไอวีกำลังนั่งคิดวิตกกังวล สื่อถึงผลกระทบด้านจิตใจที่มากกว่าคนทั่วไป
ทำไมผู้ติดเชื้อเอชไอวี จึงมีความเสี่ยงต่อภาวะวิตกกังวล มากกว่าคนทั่วไป?

ทำไมผู้ติดเชื้อเอชไอวี จึงมีความเสี่ยงต่อภาวะวิตกกังวล มากกว่าคนทั่วไป?

ภาวะวิตกกังวล เป็นปัญหาทางสุขภาพจิตที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ในกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งรับรู้สถานะของตนเอง หรือผู้ที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อเป็นระยะเวลานาน กลับพบว่ามีแนวโน้มเกิดภาวะวิตกกังวลในระดับสูงมากกว่าคนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ นั่นเพราะว่าการติดเชื้อเอชไอวี ไม่ได้ส่งผลแค่กับร่างกายเท่านั้น แต่ยัง กระทบทางใจ อย่างลึกซึ้ง และ ซ้อนทับ ด้วยแรงกดดันจากหลายด้าน ซึ่งเราจะอธิบายปัจจัยเหล่านี้อย่างเป็นระบบเพื่อให้เข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น


  • ความเครียดจากการรับรู้สถานะตนเอง (Diagnosis Shock) ช่วงเวลาที่คนเรารู้ว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวี มักมาพร้อมกับความรู้สึกตกใจ ผิดหวัง กลัว และตั้งคำถามมากมายกับอนาคตของชีวิตตนเอง เช่น

    • ฉันจะต้องใช้ชีวิตต่อไปยังไง?

    • ฉันจะต้องกินยาไปตลอดชีวิตใช่ไหม?

    • จะมีใครยอมรับฉันไหม?

    • ฉันจะมีแฟน มีความรัก มีครอบครัวได้อีก หรือเปล่า?

ความคิดเหล่านี้วนเวียนในหัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ยังไม่ได้รับข้อมูล หรือคำปรึกษาที่เหมาะสม ความไม่แน่นอน และความกลัวเหล่านี้คือเชื้อเพลิงชั้นดีที่จุดชนวนให้เกิด ภาวะวิตกกังวลตามมา


  • ความกลัวการถูกตีตรา และเลือกปฏิบัติ (Stigma and Discrimination) แม้ในปัจจุบันจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับเอชไอวี มากขึ้น แต่ อคติ และ ความเข้าใจผิด ยังเป็นเรื่องที่ผู้ติดเชื้อหลายคนต้องเผชิญ เช่น

    • ถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี มีพฤติกรรมเสี่ยง

    • ถูกปฏิเสธจากคนใกล้ตัว เพื่อน หรือครอบครัว

    • ไม่กล้าบอกสถานะให้ที่ทำงานรู้ เพราะกลัวจะถูกให้ออกจากงาน

    • กลัวจะไม่มีใครกล้าคบ หรือสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว

การต้องใช้ชีวิตภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ ทำให้ผู้ติดเชื้อจำนวนมากเลือกปกปิดตัวตน และใช้ชีวิตแบบระแวดระวัง จนนำไปสู่ ความเครียดเรื้อรัง ความกลัวการถูกเปิดเผย และความวิตกกังวลที่สะสม อย่างไม่รู้ตัว


  • ความไม่มั่นคงในด้านสุขภาพ และอนาคต แม้ปัจจุบันการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) จะสามารถทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวี มีสุขภาพแข็งแรง และมีอายุยืนยาวใกล้เคียงคนทั่วไป แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอน เช่น

    • ผลข้างเคียงของยา

    • ความกังวลว่าจะลืมทานยา

    • ความกลัวว่าจะเกิดภาวะดื้อยา

    • ความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อน เช่น ตับ ไต หรือระบบประสาทความรู้สึกว่าร่างกายไม่สมบูรณ์ หรือไม่แข็งแรงพอ

ทั้งหมดนี้สร้างความไม่มั่นคงทางใจ และนำไปสู่การ คิดมากเกินเหตุ (Overthinking) หรือ ความวิตกกังวลต่อสุขภาพ อยู่ตลอดเวลา


  • ความรู้สึกโดดเดี่ยว และขาดระบบสนับสนุน (Lack of Support System) หลายคนที่ติดเชื้อเอชไอวี โดยเฉพาะในกลุ่ม LGBTQ+ อาจต้องเผชิญกับการปฏิเสธจากครอบครัว หรือไม่กล้าเปิดเผยกับใครเลยว่าเป็นผู้ติดเชื้อ ทำให้

    • ไม่มีใครให้คำปรึกษา

    • ไม่มีพื้นที่ปลอดภัยในการระบายความรู้สึก

    • ไม่มีคนให้กำลังใจ หรืออยู่เคียงข้างในเวลายากลำบาก

การอยู่กับความลับ และความกลัวเพียงลำพัง ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อเกิดความเครียดสะสม และนำไปสู่ภาวะวิตกกังวลที่รุนแรงขึ้น


  • ความท้าทายด้านความสัมพันธ์ (Intimacy and Disclosure Anxiety) ผู้ติดเชื้อจำนวนมากกลัวว่า

    • จะไม่มีใครรัก หากอีกฝ่ายรู้ว่าตนติดเชื้อ

    • จะต้องบอกคู่รักเมื่อความสัมพันธ์เริ่มจริงจัง

    • การเปิดเผยสถานะจะนำไปสู่การถูกปฏิเสธหากมีเพศสัมพันธ์ จะกลัวว่าจะเผลอแพร่เชื้อ

ความกังวลเหล่านี้ทำให้หลายคนกลายเป็น คนที่ไม่กล้าเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ หรือเกิดภาวะวิตกกังวลทุกครั้งที่ต้องคุยเรื่องสถานะกับใครบางคน


  • ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพจิต แม้ในหลายพื้นที่จะมีบริการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี แต่ไม่ใช่ทุกแห่งที่จะมี จิตแพทย์ หรือผู้ให้คำปรึกษาที่เข้าใจบริบทของ LGBTQ+ หรือผู้มีเชื้อเอชไอวี อย่างแท้จริง ซึ่งอาจทำให้ผู้ติดเชื้อรู้สึกว่า:

    • ฉันไม่กล้าไปเล่าให้ใครฟัง

    • ฉันกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ หรือจะตัดสินฉัน

    • ฉันไม่มั่นใจว่าจิตแพทย์จะมีความรู้เรื่องเอชไอวี มากพอ


ความรู้สึกไม่ปลอดภัยทางจิตใจนี้เอง ที่ทำให้หลายคนเลือกจะไม่ไปพบผู้เชี่ยวชาญ ส่งผลให้ภาวะวิตกกังวล ที่เป็นอยู่ ไม่ได้รับการดูแล หรือคลี่คลาย อย่างเหมาะสม


สัญญาณเตือนว่าอาจกำลังมีภาวะวิตกกังวล

ภาวะวิตกกังวล หรือ Anxiety ไม่ใช่แค่ความเครียด หรือความกลัวแบบธรรมดาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่คือภาวะทางจิตใจที่เกินพอดี และส่งผลต่อ ความคิด อารมณ์ พฤติกรรม และร่างกาย อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อความวิตกกังวลนั้น รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และกลายเป็นความทรมานที่เราควบคุมไม่ได้

คนจำนวนมากไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังอยู่ในภาวะวิตกกังวล เพราะอาการอาจเริ่มจากเล็กน้อย และค่อย ๆ สะสมจนรุนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว มาดูกันว่า สัญญาณเตือน ที่ควรสังเกตมีอะไรบ้าง


  • คิดมาก คิดซ้ำ วนลูป หยุดไม่อยู่ (Racing Thoughts & Overthinking) หนึ่งในสัญญาณหลักของภาวะวิตกกังวล คือการคิดเรื่องเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา คุณอาจพบว่า

    • คิดเรื่องอนาคตมากเกินไป เช่น ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจะทำยังไง?, ฉันจะควบคุมสถานการณ์ได้ไหม?

    • กังวลเรื่องเล็กน้อยที่คนอื่นอาจมองว่าไม่สำคัญ พยายามหา ความแน่ใจ ตลอดเวลา เช่น ถามคนซ้ำ ๆ, เช็กข้อมูลบ่อยเกินไป ผลคือ... จิตใจไม่เคยหยุดพัก และความเครียดก็สะสมเรื่อย ๆ


  • รู้สึกไม่ปลอดภัย แม้ไม่มีเหตุผลชัดเจน (Sense of Dread or Panic) คุณอาจรู้สึก ไม่สบายใจ อยู่ตลอดเวลา คล้ายกับว่ากำลังรอ อะไรบางอย่างที่เลวร้าย จะเกิดขึ้น ทั้งที่ไม่มีเหตุการณ์จริงเกิดขึ้นเลย เช่น

    • หัวใจเต้นแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ

    • รู้สึกกระสับกระส่าย

    • กลัวโดยไม่มีเหตุผล เช่น กลัวว่าจะเป็นอะไร กลัวคนรอบข้างจะไม่รัก

    • รู้สึกเหมือน ควบคุมอะไรไม่ได้ แม้สิ่งรอบตัวดูปกติดี


  • อาการทางร่างกายที่อธิบายไม่ได้ (Physical Symptoms) ภาวะวิตกกังวลไม่ได้อยู่แค่ในหัว แต่ยังแสดงออกผ่านร่างกายด้วย เช่น

    • หายใจถี่ หรือรู้สึกหายใจไม่อิ่ม

    • แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก (คล้ายอาการโรคหัวใจ)

    • ปวดหัว คลื่นไส้ เวียนหัว

    • เหงื่อออกง่าย มือสั่น ตัวสั่น

    • อ่อนล้าโดยไม่ทราบสาเหตุ

    • ปวดกล้ามเนื้อ หรือเกร็งไหล่ คอ บ่า อยู่ตลอดเวลา

    • นอนไม่หลับ หรือหลับยาก แม้เหนื่อยมาก

    • อาการเหล่านี้อาจดูคล้ายโรคทางกาย แต่หากตรวจแล้วไม่พบสาเหตุทางร่างกาย อาจเป็น ผลจากภาวะวิตกกังวล


  • หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เคยทำได้ (Avoidance Behavior) เมื่อความวิตกกังวลเริ่มครอบงำ คนที่มีภาวะวิตกกังวลมักเริ่ม

    • เลี่ยงการพบปะผู้คน (แม้กับเพื่อนสนิท)

    • หลีกเลี่ยงสถานการณ์สังคม เช่น งานเลี้ยง การประชุม การออกไปซื้อของ

    • ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก เพราะกลัวผิดพลาด หรือถูกตัดสิน

    • ไม่กล้าเริ่มต้นความสัมพันธ์ หรือกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ

    • สิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือน ขี้อาย หรือ ไม่มั่นใจ แต่ความจริงคือเกิดจาก ความกลัวที่ลึกซึ้ง และรบกวนชีวิต


  • ความคิดเชิงลบที่ครอบงำ (Negative Self-Talk) ผู้มีภาวะวิตกกังวล มักเผชิญกับเสียงในหัวที่ ไม่เป็นมิตรกับตัวเอง เช่น

    • ฉันไม่ดีพอ

    • ฉันต้องผิดแน่ ๆ

    • เขาไม่ชอบฉันหรอก

    • ทุกอย่างจะพังแน่นอน

    • เมื่อความคิดลบเหล่านี้เกิดซ้ำ ๆ มันจะส่งผลต่อความมั่นใจ และทำให้เรามองโลกแง่ร้ายจนขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต


  • ควบคุมไม่ได้ หยุดไม่ได้ แม้รู้ตัว (Loss of Control) หลายคนที่มีภาวะวิตกกังวล จะรู้สึกว่า

    • ฉันพยายามแล้ว แต่ฉันหยุดคิดไม่ได้

    • ฉันรู้ว่าฉันคิดเกินเหตุ แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้

    • ฉันเหนื่อยมาก แต่สมองไม่เคยหยุดทำงานเลย

    • ความรู้สึกนี้คือสัญญาณสำคัญว่า คุณไม่ได้แค่เครียดธรรมดา แต่กำลังเผชิญกับ ภาวะวิตกกังวลระดับที่ต้องการความช่วยเหลือ


  • อารมณ์แปรปรวน ฉุนเฉียวง่าย ขาดสมาธิ ภาวะวิตกกังวล ทำให้ระบบประสาทตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้

    • ขาดสมาธิ ทำงานผิดพลาดบ่อย

    • หงุดหงิดง่ายกับเรื่องเล็กน้อย

    • เศร้าหมอง หรือรู้สึกว่า อารมณ์ไม่นิ่ง ตลอดเวลา

    • ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นแบบเกินเหตุ เช่น ตกใจง่าย ระแวง


แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า... ถึงเวลาควร ขอความช่วยเหลือ?

หากคุณ หรือคนใกล้ชิดมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ และส่งผลให้ชีวิตประจำวันเสียสมดุล เช่น ทำงานไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่มีแรง หรือเริ่มมีความคิดในแง่ลบเกี่ยวกับตัวเอง อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต

  • ไม่จำเป็นต้อง รอให้แย่ก่อน ถึงจะไปหาหมอ

  • Anxiety คือ ภาวะสุขภาพจิต ไม่ใช่ความอ่อนแอการดูแลจิตใจ คือ การดูแลชีวิตอย่างแท้จริง


ภาพผู้ติดเชื้อเอชไอวีกำลังฝึกหายใจลึก นั่งผ่อนคลายในสวน สื่อถึงการดูแลสุขภาพจิตและร่างกายเพื่อรับมือกับความวิตกกังวล
วิธีดูแลตนเองเมื่อต้องอยู่กับเอชไอวี และภาวะวิตกกังวล

วิธีดูแลตนเองเมื่อต้องอยู่กับเอชไอวี และภาวะวิตกกังวล

การดูแลสุขภาพใจจึงสำคัญไม่แพ้การดูแลสุขภาพกาย และนี่คือแนวทางแบบครอบคลุม เพื่อให้คุณสามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ แม้ต้องอยู่กับเอชไอวี และภาวะวิตกกังวล

  • ยอมรับความจริงด้วยความอ่อนโยน การได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้มีเชื้อเอชไอวี หรือการรู้ตัวว่าตนเองมีภาวะวิตกกังวล อาจทำให้หลายคนตกใจ สับสน หรือรู้สึกผิด แต่ขั้นตอนแรกที่สำคัญคือ การยอมรับความจริง อย่างอ่อนโยนกับตัวเอง เช่น

    • ไม่โทษตัวเอง

    • ไม่รีบกดอารมณ์ให้หายเร็ว ๆ

    • ให้เวลาตัวเองได้ รู้สึก อย่างเต็มที่  เพราะการยอมรับ คือ จุดเริ่มต้นของการเยียวยา ไม่ใช่ความพ่ายแพ้


  • ปฏิบัติตามการรักษา ART อย่างต่อเนื่อง การรักษาด้วยยาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy – ART) เป็นหัวใจของการดูแลผู้มีเชื้อเอชไอวี เมื่อกินยาอย่างต่อเนื่องทุกวันอย่างเคร่งครัด จะสามารถควบคุมปริมาณไวรัสในเลือดให้ต่ำจนตรวจไม่พบ (Undetectable) ได้ ซึ่งจะช่วยให้

    • ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น

    • ลดความเครียดจากปัญหาสุขภาพ

    • ลดความกังวลเรื่องการแพร่เชื้อ

    • มีชีวิตที่ใกล้เคียงคนทั่วไป

    • การรู้ว่า ฉันควบคุมไวรัสได้ จะช่วยลดความรู้สึกสิ้นหวัง และเป็นแรงผลักดันให้ใจมั่นคงขึ้น


  • ดูแลสุขภาพจิตด้วยการเข้ารับคำปรึกษา เมื่อคุณรู้สึกว่าภาวะวิตกกังวล กำลังรบกวนชีวิตประจำวัน เช่น คิดมากจนทำงานไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือรู้สึกกลัวสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่มีเหตุผล อย่ารอช้าที่จะเข้าพบ

    • จิตแพทย์ เพื่อประเมิน และวินิจฉัยภาวะทางจิตใจอย่างถูกต้อง

    • นักจิตวิทยาคลินิก เพื่อรับการบำบัด เช่น CBT (Cognitive Behavioral Therapy)

    • ที่ปรึกษาเฉพาะทางเอชไอวี ที่เข้าใจบริบทเฉพาะของผู้ติดเชื้อ

    • การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่คือการลงทุนในสุขภาพระยะยาว


  • อย่าเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว – เปิดใจสื่อสาร ภาวะวิตกกังวลมักเติบโตในที่มืด การเปิดใจพูดคุยกับคนที่คุณไว้ใจ เช่น เพื่อนสนิท ครอบครัว คู่ชีวิต หรือกลุ่มสนับสนุน LGBTQ+ สามารถช่วยให้คุณ

    • ระบายความรู้สึกที่อัดอั้น

    • ลดความรู้สึกโดดเดี่ยว

    • ได้รับมุมมองใหม่ที่อาจช่วยเยียวยาใจ

    • หากคุณยังไม่พร้อมพูดกับคนใกล้ตัว ลองหา กลุ่มสนับสนุนออนไลน์ ที่ปลอดภัย เช่น กลุ่มบน Facebook, Discord หรือองค์กรที่ทำงานด้านเอชไอวี และสุขภาพจิต


  • สร้างกิจวัตรประจำวันเพื่อความมั่นคงทางใจ การใช้ชีวิตให้เป็นระบบ มีความคาดเดาได้ จะช่วยให้จิตใจรู้สึก มั่นคง มากขึ้น และลดการวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น เช่น

    • ตื่นนอน และเข้านอนเวลาเดิมทุกวัน

    • ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดิน, โยคะ, ว่ายน้ำ

    • รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และตรงเวลา

    • เขียนไดอารีระบายความรู้สึก หรือจด gratitude journal เพื่อขอบคุณสิ่งเล็ก ๆ ทุกวัน

    • กิจวัตรเหล่านี้จะเป็นเสมือน ฐานที่มั่น ของใจคุณในวันที่รู้สึกไม่มั่นคง


  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่เพิ่มความวิตกกังวล สำหรับคนที่มีภาวะวิตกกังวล สิ่งกระตุ้นบางอย่างอาจทำให้อาการแย่ลง เช่น

    • คาเฟอีนในกาแฟ ซึ่งกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ใจเต้นเร็ว มือสั่น

    • ข่าวร้าย หรือโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้รู้สึกเปรียบเทียบ หรือกลัว

    • การอยู่ลำพังมากเกินไป จนความคิดวนซ้ำ

    • แอลกอฮอล์ และสารเสพติด ที่รบกวนเคมีสมอง

    • คุณควรเรียนรู้ว่าอะไร กระตุ้น ตัวเอง และค่อย ๆ ปรับวิถีชีวิตให้ห่างจากสิ่งเหล่านั้นอย่างมีสติ


  • ฝึกใจให้มั่น ด้วยเทคนิคผ่อนคลาย คุณสามารถจัดการกับความวิตกกังวลได้ด้วยตนเองผ่านการฝึก เช่น

    • การหายใจลึก (Deep Breathing): หายใจเข้า 4 วินาที, กลั้นไว้ 4 วินาที, หายใจออก 6 วินาที ทำซ้ำ 5–10 ครั้งเมื่อเริ่มรู้สึกเครียด

    • การทำสมาธิ (Mindfulness Meditation): นั่งเงียบ ๆ รับรู้ลมหายใจ ไม่ตัดสินความคิดที่ผ่านเข้ามา

    • การฟังเพลงบำบัด เช่น เสียงธรรมชาติ ดนตรีบำบัด

    • การฝึกกรอบความคิดเชิงบวก (Positive Reframing): เปลี่ยนมุมมองต่อปัญหา เช่น จาก ฉันอ่อนแอ → ฉันกำลังเรียนรู้ที่จะเข้มแข็ง


  • เชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง อย่าลืมว่า…

    • คุณไม่ได้เป็นแค่ผู้ติดเชื้อเอชไอวี หรือคนที่มีภาวะวิตกกังวล — คุณคือมนุษย์คนหนึ่งที่มีคุณค่า มีความสามารถ และมีอนาคต

    • การมีภาวะสุขภาพแบบหนึ่ง ไม่ได้จำกัดศักยภาพในการเติบโต เรียนรู้ หรือรัก และหากคุณเดินไปพร้อมการรักษา การดูแลตนเอง และการเปิดรับการสนับสนุน คุณจะพบว่า… ชีวิตที่ มั่นคง แข็งแรง และมีความสุข ยังคงเป็นของคุณเสมอ


ความวิตกกังวลไม่ใช่เรื่องน่าอาย และการมีเชื้อเอชไอวี ไม่ได้ทำให้คุณมีค่าน้อยลงแม้แต่นิดเดียว หากคุณกำลังเผชิญกับความไม่แน่ใจ กลัว โดดเดี่ยว หรือเหนื่อยกับความคิดในหัวของคุณเอง อย่าปล่อยให้ความเงียบกัดกินคุณไปทีละน้อย จงกล้าพูด กล้าขอความช่วยเหลือ และกล้ารักตัวเองอีกครั้ง


สุขภาพจิต คือ ส่วนหนึ่งของสุขภาพโดยรวม และการดูแลใจให้มั่นคง จะทำให้กายแข็งแรงตามมาเสมอ แม้คุณจะมีเชื้อเอชไอวี หรือกำลังต่อสู้กับภาวะวิตกกังวล อยู่ คุณยังสามารถ ใช้ชีวิตในแบบที่คุณอยากเป็น ได้อย่างเต็มที่ และอย่างมีความหมาย


เอกสารอ้างอิง


  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). HIV and Mental Health. ข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเอชไอวีกับสุขภาพจิต. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.cdc.gov/hiv/basics/livingwithhiv/mentalhealth.html

  • World Health Organization (WHO). Mental health and HIV/AIDS. แนวทางด้านสุขภาพจิตสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.who.int/teams/mental-health-and-substance-use/hiv-aids

  • UNAIDS. Addressing mental health and HIV – a call to action. รายงานความเชื่อมโยงระหว่างเอชไอวีกับปัญหาสุขภาพจิต. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.unaids.org/en/resources/presscentre/featurestories/2022/july/20220725_mental-health-and-hiv

  • กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค. คู่มือการดูแลสุขภาพจิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวี. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://ddc.moph.go.th

  • สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย. ความรู้เรื่องสุขภาพจิตในผู้มีเชื้อ HIV และกลุ่ม LGBTQ+. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.rainbowthailand.org

Comments


12 Terry Francine St.

San Francisco, CA 94158

Opening Hours

Mon - Fri

8:00 am – 8:00 pm

Saturday

9:00 am – 7:00 pm

​Sunday

9:00 am – 9:00 pm

bottom of page