top of page

ใช้เข็มฉีดยาอย่างไร? ให้ปลอดภัยจากเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เข็มฉีดยา เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาโรค แต่ในขณะเดียวกันก็อาจกลายเป็นพาหะนำโรคที่ร้ายแรง หากใช้ไม่ถูกวิธี โดยเฉพาะเอชไอวี (HIV) และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ผ่านเลือด และของเหลวในร่างกาย ฉะนั้นการเรียนรู้ทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการใช้เข็มฉีดยาอย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันตนเอง และผู้อื่นจากโรคที่อาจคุกคามชีวิต

ภาพแสดงวิธีใช้เข็มฉีดยาอย่างปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ใช้เข็มฉีดยาอย่างไร? ให้ปลอดภัยจากเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ทำไมการใช้เข็มฉีดยาไม่ถูกวิธีจึงเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี?

เอชไอวี (HIV) หรือ Human Immunodeficiency Virus เป็นไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 หากไม่ได้รับการรักษา เอชไอวีจะพัฒนาสู่ระยะของโรคเอดส์ (AIDS)


ไวรัสเอชไอวีไม่สามารถอยู่รอดได้นานภายนอกร่างกาย แต่ ภายในเข็มฉีดยาที่ใช้แล้ว โดยเฉพาะในสภาวะแวดล้อมที่อุณหภูมิไม่สูงมาก เชื้อไวรัสสามารถอยู่รอดได้นานพอที่จะติดต่อสู่คนที่ใช้เข็มนั้นต่อได้ เช่น


  • กลไกการแพร่เชื้อผ่านเข็ม เมื่อมีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น (เช่น ฉีดยาเสพติด หรือสักตามบ้าน) หากบุคคลก่อนหน้ามีเชื้อเอชไอวี เลือดของเขาอาจปนเปื้อนในกระบอกฉีดยาหรือปลายเข็ม และเมื่อบุคคลถัดไปใช้เข็มนั้นโดยไม่ฆ่าเชื้อ เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านเส้นเลือด เป็นการติดเชื้อโดย ไม่ต้องผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หรือการสัมผัสโดยตรงกับเลือดแบบเห็นชัด

  • ความเข้มข้นของเชื้อในเลือด เลือดเป็นของเหลวที่มีปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวีสูงที่สุด เมื่อเทียบกับของเหลวชนิดอื่นในร่างกาย เช่น น้ำอสุจิ หรือสารคัดหลั่งจากช่องคลอด ดังนั้นการสัมผัสเลือดของผู้ติดเชื้อโดยตรง (ผ่านเข็มฉีดยา) จึงมีโอกาสติดเชื้อได้สูงมาก

  • การฆ่าเชื้อไม่ถูกวิธี = ไม่ช่วยอะไรเลย บางคนอาจเชื่อว่าการล้างเข็มด้วยน้ำร้อน แอลกอฮอล์ หรือแม้กระทั่งดูดน้ำยาฆ่าเชื้อเข้าออกจากเข็ม จะช่วยฆ่าเชื้อได้ ความจริงคือ

    • แอลกอฮอล์ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสเอชไอวีที่อยู่ในรอยเลือดหรือภายในกระบอกฉีดยาได้ 100%

    • น้ำร้อนที่ไม่ถึงอุณหภูมิ 100°C ก็ยังไม่สามารถทำลายเชื้อได้ทั้งหมด

    • การต้มในน้ำเดือดไม่ใช่วิธีที่ได้รับการรับรอง เพราะไม่มีการควบคุมเวลา และอุณหภูมิอย่างแม่นยำ

    • ดังนั้น ทางเดียวที่ ปลอดภัยจริง ๆ คือ ใช้เข็มใหม่ทุกครั้ง ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่นเด็ดขาด


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ที่เสี่ยงติดผ่านการใช้เข็มร่วมกัน

การใช้เข็มร่วมกันไม่เพียงแค่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางการแพร่กระจายของโรคติดต่อทางเลือด และทางเพศสัมพันธ์อีกหลายชนิด ดังนี้:

  • โรคไวรัสตับอักเสบบี (HBV) แพร่ผ่านเลือด และของเหลวในร่างกาย ไวรัสสามารถอยู่รอดภายนอกร่างกายได้ถึง 7 วัน ส่งผลต่อการทำงานของตับ ทำให้เกิดตับอักเสบเรื้อรัง มะเร็งตับ

  • โรคไวรัสตับอักเสบซี (HCV) ไม่มีวัคซีนป้องกัน มักไม่มีอาการในช่วงแรก แต่สามารถพัฒนาไปสู่โรคตับเรื้อรังได้ เป็นโรคที่พบมากในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดฉีดเข้าเส้น

  • โรคซิฟิลิส (Syphilis) แม้ส่วนใหญ่จะติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์ แต่ก็สามารถแพร่ผ่านการใช้เข็มปนเปื้อนเชื้อได้ มีหลายระยะ ตั้งแต่ระยะแรกที่มีแผล ไปจนถึงระยะที่เชื้อเข้าสู่ระบบประสาทหากไม่ได้รับการรักษา

  • โรคหนองใน (Gonorrhea) โดยปกติแพร่ผ่านเพศสัมพันธ์ แต่หากมีการปนเปื้อนของเชื้อในเข็ม เช่น กรณีฉีดยาใต้ผิวหนัง อาจเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้

ภาพแสดงกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย และผู้มีพฤติกรรมทางเพศเสี่ยงสูง พร้อมข้อความให้ความรู้เรื่องการใช้เข็มฉีดยาอย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
กลุ่มเสี่ยงที่ควรตระหนักเรื่องการใช้เข็มฉีดยา

กลุ่มเสี่ยงที่ควรตระหนักเรื่องการใช้เข็มฉีดยา

การใช้เข็มฉีดยาอย่างไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะการใช้ซ้ำ หรือใช้ร่วมกับผู้อื่น โดยไม่ได้ฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่นำไปสู่การติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงโรคติดต่อทางเลือด และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ด้านล่างคือกลุ่มประชากรที่อยู่ในภาวะเสี่ยงสูง ซึ่งจำเป็นต้อง ตระหนัก และระวังเป็นพิเศษ


  • ผู้ใช้ยาเสพติดแบบฉีด (Injecting Drug Users - IDU) คือ กลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดแบบฉีดเข้าเส้น (IDU) เป็นกลุ่มที่มีอัตราการติดเชื้อเอชไอวีสูงที่สุดทั่วโลก

    • ทำไมถึงเสี่ยง?

      • มักใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เนื่องจากเข้าถึงเข็มใหม่ได้ยาก หรือขาดความรู้ด้านสุขอนามัย

      • เข็มที่ใช้แล้วอาจมีเลือดของผู้ใช้คนก่อนปนเปื้อนอยู่

      • การเสพยาในสภาพแวดล้อมที่เร่งรีบ ไม่สะอาด มักขาดขั้นตอนการฆ่าเชื้อ

    • ข้อเท็จจริง

      • ในบางประเทศ มากกว่า 30% ของผู้ใช้ยาเสพติดแบบฉีดมีเชื้อเอชไอวี

      • การแจกเข็มสะอาด (needle exchange programs) เป็นแนวทางลดการแพร่เชื้อที่ได้ผล และควรส่งเสริม


  • ผู้มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน และใช้สารกระตุ้นทางเพศ โดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) และกลุ่มที่ใช้ยากระตุ้นอารมณ์ เช่น ยาเค ยาไอซ์ หรือยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศแบบฉีดเข้าเส้น

    • ทำไมถึงเสี่ยง?

      • ยากระตุ้นอาจทำให้ขาดการยับยั้งชั่งใจ ส่งผลให้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน และมีพฤติกรรมเสี่ยงอื่นร่วมด้วย เช่น ใช้เข็มร่วมกัน

      • ในบางกรณีมีการฉีดยาเพื่อกระตุ้นการแข็งตัวของอวัยวะเพศ โดยใช้เข็มร่วมกัน

    • ข้อเท็จจริง การใช้ยาเคหรือไอซ์ในกลุ่ม MSM ที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน เป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้อัตราการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจในหลายประเทศ รวมถึงไทย


  • กลุ่มวัยรุ่น และเยาวชน เยาวชนถือเป็นกลุ่มเปราะบาง เพราะอยู่ในวัยอยากรู้อยากลอง และมักได้รับอิทธิพลจากเพื่อนหรือโซเชียลมีเดียโดยไม่มีพื้นฐานความรู้ที่ถูกต้อง

    • ทำไมถึงเสี่ยง?

      • อาจเริ่มทดลองใช้ยาเสพติด หรือฉีดสารเสริมความงามตามกระแสนิยม

      • ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อ และการป้องกัน

      • เข้าไม่ถึงบริการสุขภาพ หรือกลัวการตีตราจากสังคม

    • ข้อเท็จจริง ข้อมูลจากหลายประเทศชี้ว่า เยาวชนเริ่มใช้ยาเสพติดเร็วขึ้น และในบางกรณี เริ่มฉีดเข้าร่างกายโดยไม่รู้ว่ากำลังเสี่ยงติดเชื้อร้ายแรง


  • ผู้รับบริการศัลยกรรม หรือฉีดสารเสริมความงาม เช่น การฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ วิตามินผิว หรือแม้แต่เมโสแฟต หากกระทำในสถานบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่มีใบอนุญาต อาจเป็นอันตราย

    • ทำไมถึงเสี่ยง?

      • ใช้เข็มซ้ำกับลูกค้าหลายราย

      • เครื่องมือไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อที่ถูกวิธี

      • ไม่มีการควบคุมมาตรฐานสาธารณสุข

    • ข้อเท็จจริง

      • มีรายงานเคสผู้ติดเชื้อ HIV หรือไวรัสตับอักเสบหลังรับบริการฉีดผิวในคลินิกเถื่อน

      • บางสถานเสริมความงามเคลื่อนที่ ใช้เข็มชุดเดียวกันกับลูกค้าหลายรายเพื่อลดต้นทุน

ภาพแสดงขั้นตอนการใช้เข็มฉีดยาอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่ออื่น ๆ อย่างปลอดภัย
วิธีใช้เข็มฉีดยา ให้ปลอดภัยจากเอชไอวี และโรคติดต่ออื่น ๆ

วิธีใช้เข็มฉีดยาให้ปลอดภัยจากเอชไอวี และโรคติดต่ออื่น ๆ

การใช้เข็มฉีดยาอย่างปลอดภัยไม่ใช่เรื่องเฉพาะของบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้มีโรคประจำตัวเท่านั้น แต่รวมถึงบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การใช้ยาเสพติด ศัลยกรรมเสริมความงาม การฉีดยาเองที่บ้าน หรือแม้แต่ผู้ดูแลผู้ป่วย หากใช้เข็มผิดวิธี ไม่เพียงเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงไวรัสตับอักเสบ บี และซี รวมถึงโรคติดต่อทางเลือดอื่น ๆ อีกมากมาย


ใช้เข็มใหม่เสมอ

เข็มฉีดยา ต้องใช้ใหม่ทุกครั้ง เป็นกฎเหล็กที่ห้ามละเลย

เหตุผล

  • เข็มที่ใช้แล้วอาจมีเลือดปนเปื้อนซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

  • แม้จะผ่านการล้างหรือแช่แอลกอฮอล์ ก็ไม่เพียงพอในการฆ่าเชื้อเอชไอวี หรือไวรัสตับอักเสบ

  • เข็มที่ใช้ซ้ำอาจทื่อ ทำให้บาดเจ็บมากกว่าปกติ และเพิ่มโอกาสอักเสบติดเชื้อในร่างกาย

ข้อควรปฏิบัติ

  • ใช้เข็ม และกระบอกฉีดยาที่ยังไม่ได้เปิดใช้งาน (บรรจุในซองปลอดเชื้อ)

  • ห้ามใช้เข็มเก็บไว้จากครั้งก่อน แม้จะใช้กับตัวเองก็ตาม


ห้ามใช้เข็มร่วมกับผู้อื่นทุกกรณี

แม้จะเป็นคนใกล้ชิดอย่าง คนในครอบครัวหรือคนรัก ก็ไม่ควรใช้เข็มร่วมกันเด็ดขาด

เหตุผล

  • เชื้อเอชไอวีสามารถอยู่ในรอยเลือดแม้เพียงเล็กน้อย และเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ใช้รายถัดไป

  • เชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซีมีอัตราการติดต่อผ่านเลือดสูงกว่าเอชไอวีหลายเท่า

  • บางคนอาจติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว และไม่แสดงอาการ ทำให้เข้าใจผิดว่า “ดูปลอดภัย”

ข้อควรปฏิบัติ

  • เตรียมเข็มของตนเองเสมอ หากต้องฉีดยาหรือวิตามิน

  • หากเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ควรเปลี่ยนเข็มใหม่ทุกครั้งกับผู้รับบริการรายใหม่


ทิ้งเข็มอย่างถูกวิธี

การทิ้งเข็มที่ใช้แล้วอย่างไม่เหมาะสม อาจทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายทางตรง เช่น บาดมือ และทางอ้อม เช่น การติดเชื้อ

เหตุผล

  • เข็มที่ทิ้งไม่เป็นที่อาจถูกเด็กเก็บมาเล่น คนเก็บขยะสัมผัส หรือสัตว์เลี้ยงไปคาบเล่น

  • เข็มที่ทิ้งปะปนกับขยะทั่วไปอาจแทงทะลุถุง ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ

  • เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อในสิ่งแวดล้อม

ข้อควรปฏิบัติ

  • เก็บเข็มที่ใช้แล้วไว้ใน “กล่องทิ้งเข็ม” หรือภาชนะปิดสนิทที่แข็งแรง เช่น ขวดน้ำพลาสติกขุ่นหนา

  • เขียนกำกับว่า “เข็มใช้แล้ว - อันตราย” บนภาชนะ

  • นำไปทิ้งที่ศูนย์สาธารณสุข คลินิก หรือสถานพยาบาลที่มีจุดรับทิ้งของมีคมโดยเฉพาะ


หมั่นตรวจเลือด และสุขภาพเป็นประจำ

แม้จะป้องกันอย่างดีที่สุดแล้ว แต่หากเคยมีพฤติกรรมเสี่ยง ก็ควรตรวจเลือดสม่ำเสมอ

เหตุผล

  • เอชไอวีสามารถอยู่ในร่างกายได้โดยไม่แสดงอาการนานหลายปี

  • การตรวจเร็ว รู้เร็ว สามารถเข้ารับการรักษาโดยเร็ว และลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ

  • โรคติดต่อหลายชนิด เช่น ซิฟิลิส หรือไวรัสตับอักเสบ ซี หากตรวจพบในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อควรปฏิบัติ

  • ควรตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

  • หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น IDU หรือมีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน ควรตรวจทุก 3-6 เดือน

  • สามารถเข้ารับบริการตรวจได้ฟรีที่โรงพยาบาลรัฐ คลินิกนิรนาม หรือศูนย์บริการสาธารณสุขทั่วประเทศ

ภาพอธิบายขั้นตอนที่ควรทำ หากพลาดใช้เข็มร่วมระหว่างการมีเพศสัมพันธ์แบบ Chemsex เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่ออื่น ๆ
หากพลาดใช้เข็มร่วม ควรทำอย่างไร?

หากพลาดใช้เข็มร่วม ควรทำอย่างไร?

การใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเลือดอื่น ๆ หากคุณหรือคนรอบตัวเคยประสบเหตุการณ์นี้ ควรรีบดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ทันที เพื่อเพิ่มโอกาสรอดพ้นจากการติดเชื้ออย่างปลอดภัย


รีบล้างบริเวณที่สัมผัสทันที

การล้างแผลหรือบริเวณที่ถูกเข็มตำเป็นด่านแรกของการลดความเสี่ยง

วิธีปฏิบัติ

  • ล้างบริเวณที่สัมผัสหรือโดนเข็มตำทันที ด้วย สบู่ และน้ำสะอาด

  • หากไม่มีสบู่ ให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ 70% หรือ โพวิโดน-ไอโอดีน (Povidone Iodine)

  • อย่าพยายามบีบเลือดออกแรงเกินไป เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อเสียหาย

  • หลีกเลี่ยงการใช้สารที่ไม่เหมาะสม เช่น ยาทาแผลสดที่มีแอลกอฮอล์สูงหรือทิงเจอร์

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • การล้างทันทีแม้ไม่สามารถฆ่าเชื้อได้ 100% แต่ช่วยลดปริมาณไวรัสที่เข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีนัยสำคัญ

  • ควรรีบไปยังสถานพยาบาลโดยไม่รีรอ


ติดต่อสถานพยาบาลเพื่อรับยา PEP

PEP (Post-Exposure Prophylaxis) คือยาต้านไวรัสที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันเอชไอวี หากรับประทานทันทีหลังสัมผัสเชื้อ

สิ่งที่ควรทำ

  • รีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ภายใน ไม่เกิน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังจากสัมผัสเชื้อ

  • แจ้งว่ามีการสัมผัสเข็มที่อาจมีเชื้อเอชไอวี เพื่อขอรับ PEP

  • ยานี้ต้องกิน ติดต่อกันเป็นเวลา 28 วัน ภายใต้การดูแลของแพทย์

ข้อควรรู้

  • ประสิทธิภาพของ PEP สูงถึง 80–90% หากเริ่มใช้ภายใน 2 ชั่วโมงแรก

  • ไม่แนะนำให้ซื้อยามากินเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเกิดผลข้างเคียง หรือกินไม่ครบคอร์ส

  • การรับ PEP เป็นบริการที่มีใน โรงพยาบาลรัฐ คลินิกบางแห่ง และศูนย์บริการตรวจเอชไอวีแบบนิรนาม (หลายแห่งมีให้บริการฟรี)


ตรวจหาเชื้อในระยะเวลา 1–3 เดือนหลังจากสัมผัส

แม้จะได้รับ PEP แล้ว ก็ยัง ไม่สามารถยืนยันได้ทันทีว่าไม่ติดเชื้อ จึงควรมีการตรวจเลือดในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ขั้นตอน

  • ตรวจเลือดครั้งแรกทันทีเมื่อรับ PEP (baseline)

  • ตรวจซ้ำที่ 1 เดือน และ 3 เดือน เพื่อประเมินผลอย่างครบถ้วน

  • หากไม่มีการติดเชื้อในช่วง 3 เดือน ถือว่าปลอดภัยจากเหตุการณ์นั้น

เหตุผล

  • ระยะฟักตัวของเชื้อเอชไอวีอยู่ระหว่าง 2 สัปดาห์ถึง 3 เดือน

  • ตรวจเร็วเกินไปอาจให้ผลลบปลอม (false negative)

  • การตรวจด้วยชุดทดสอบรุ่นใหม่ (4th Gen) สามารถตรวจพบเชื้อได้เร็วกว่ารุ่นเก่า


การใช้เข็มฉีดยาอย่างปลอดภัย ไม่ได้ยากเกินไป เพียงเริ่มจากการไม่ประมาท ไม่ใช้เข็มร่วมกับใคร และหมั่นตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ สำหรับใครที่ต้องใช้เข็มในการรักษา ควรตรวจสอบความสะอาดของอุปกรณ์ก่อนเสมอ และหากคุณหรือคนใกล้ตัวมีพฤติกรรมเสี่ยง อย่ารอให้สายเกินไป รับคำปรึกษาจากสถานพยาบาลหรือองค์กรที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเอชไอวีได้ทันที


เอกสารอ้างอิง

  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Safe Injection Practices. Guidelines on how to prevent infections through safe syringe use. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.cdc.gov/injection-safety/about/index.html

  • HIV.gov. Syringe Services Programs. Comprehensive overview of SSPs and their role in reducing HIV transmission. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.hiv.gov/federal-response/other-topics/syringe-services-programs

  • ViiV Healthcare. Chemsex: In Pleasure, Safety and in Health. Information about harm reduction strategies and chemsex awareness. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://viivhealthcare.com/ending-hiv/stories/community-engagement/chemsex/

  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้เข็มฉีดยาอย่างปลอดภัย และการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://ddc.moph.go.th

  • สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.). แนวทางการใช้ยา PrEP และ PEP เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.nhso.go.th

Comments


12 Terry Francine St.

San Francisco, CA 94158

Opening Hours

Mon - Fri

8:00 am – 8:00 pm

Saturday

9:00 am – 7:00 pm

​Sunday

9:00 am – 9:00 pm

bottom of page